7 เรื่องน่ารู้ของผู้หญิงเปลี่ยนคุณเป็นสาวมั่นยุคใหม่

ในอดีตมีกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากมายที่ถูกคิดขึ้นมาซึ่งบางอย่างก็อาจจะล้าสมัยไปแล้วหรือบางอย่างก็อาจจะยังพอเอามาปรับใช้งานได้อยู่ แล้วอันไหนบ้างละที่เราควรจะเลือกมาใช้งานหรือเลือกเอามาปฏิบัติเพราะเราชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นที่ถูกสร้างและคิดถึงมามันยอมมีเหตุและผลของมัน ซึ่งถ้าหากเรามองที่ผลลัพท์ที่เกิดขึ้นแล้วเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีและเหมาะกับตัวเราโดยที่ไม่ได้ไปสร้างปัญหาให้กับคนอื่น ๆ หรือ ไม่ได้ไปเบียดเบียนเพื่อนเพื่อนของเรามันก็น่าจะเป็นสิ่งที่เราสามารถเลือกทำได้ถูกต้องไหมละเพื่อนเพื่อน

วันนี้พวกเราที่เพลินเพลินก็เลยไปลองดูสิว่าหรับสาว ๆ แล้วมีเรื่องราวกฏเกณฑ์หรือแม้กระทั้งความคิดแบบไหนบ้างที่พวกเราเชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งที่ดีและส่งผลมาถึงผู้ที่แสดงเรื่องราวเหล่านั้นออกมาอีกด้วย แล้วสิ่งเหล่านั้นมันจะทำให้คุณดูดีไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยากรู้แล้วละสิไปเริ่มกันเลยดีกว่า

1. ท่าทางที่เหมาะสมอย่างการนั่งหลังตรงพยายามอย่าเอนหลังพิงเก้าอี้
โดยการที่คุณต้องนั่งตัวตรง แต่พยายามทำท่าทางให้เป็นธรรมชาติ และควรจัดระยะของที่นั่งช่องว่างระหว่างลำตัวกับขอบโต๊ะ โดยคุณควรเว้นระยะห่างให้เท่ากับระยะระหว่างข้อมือและปลายนิ้ว นอกจากมันจะดูดีแล้วท่าทางนี้จะทำให้คุณมองเห็นได้ง่ายจากเพื่อนของคุณที่จะตามมาที่หลัง เราแนะนำว่าคุณพิงพนักเก้าอี้ได้บ้างครั้งแต่พยายามอย่าพิงตลอดเวลา เพราะสุดท้ายแล้วคุณจะลืมนั่งหลังตรง
2. อย่ากลัวการทำงาน
© freesotkphotos
ยังมีอีกหลายคนที่ต้องบอกเลยว่าเป็นหนุ่มสาวที่มาจากยุคเก่า ที่คิดว่าเมื่อเราแต่งงานแล้วผู้หญิงคือคนที่ต้องอยู่กับบ้านและค่อยดูแลทำทุกอย่างให้เรียบร้อยและงานนอกบ้านก็คืองานของผู้ชาย แต่มาตอนนี้เราบอกเลยว่าคุณจะทำแบบนั้นก็ยังได้อยู่แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าคุณผู้หญิงก็สามารถมาช่วยกันทำงานนอกบ้านได้และงานในบ้านก็อาจจะต้องมีผู้ช่วยคนอื่นมาหรืออาจจะช่วยกันสองคนภายในครอบครัวก็ได้ ที่เราบอกแบบนี้ก็เพราะว่าในยุคนี้ทุกคนต่างมีความสามารถดังนั้น การไม่ได้ใช้ความสามารถที่ตัวเองมีเลยนั้นช่างดูเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก และการทำงานทั้งคู่ก็ยังทำให้เราสร้างความมั่นคงได้มากกว่าการทำคนเดียวไงละ

3. เคารพตัวเองและรู้จักใช้เวลาของคุณ

มันเป็นเรื่องที่ฟังดูง่ายแต่หลายหลายคนก็กลับทำมันได้ยากเพราะการ เราอาจจะเกรงใจคนรอบข้างมากเกินไป ที่บอกมาทั้งหมดจริงจริงแล้วเราก็แค่ต้องการที่จะบอกเพื่อนเพื่อนว่า อย่าให้ใครมาเอาเวลาของคุณไปได้หากไม่จำเป็นนั้นเอง อย่างเช่นหากคุณรู้สึกไม่อยากไปเที่ยว หรือ ไม่อยากนั่งคุยกับใครสักคนนานๆ คุณก็แค่ปลีกตัวออกมาจากตรงนั้น โดยอ้างอะไรก็ได้เพราะเวลาของเรานั้นมีจำกัดการใช้มันหมดไปกับสิ่งที่เราไม่ต้องการคือสิ่งที่น่าเสียดายที่สุด เวลาเป็นของเราจงใช้มันซะอย่าให้คนอื่นใช้เวลาของเรา ตัวอย่างเพื่อนของเราคนหนึ่งทุกครั้งที่มีคนมาหาที่หน้าห้องเธอจะ สวมชุดที่ดูดีสักหน่อยถือกระเป๋าออกไปเปิดประตูทุกครั้ง เพราะว่าหากเป็นคนที่เธอไม่ต้องการคุยด้วยมาหาเธอจะ พูดคุยเล็กน้อยและขอตัวออกไปข้างนอกทันที

4. อย่าวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ
© kkolosov / easyfotostock / Eastnews
ทำไมการวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ เช่น คาเฟ่หรือร้านอาหาร จึงไม่ควรทำนะเหรอ เพราะการที่มีโทรศัพท์อยู่ในสายตาตลอดเวลานั้นจะทำให้คุณให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ชิ้นนี้มากเกินไปจนไม่ได้สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะ และนอกจากนี้คุณก็รู้ว่าข้อมูลในสมาร์ทโฟนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่สำคัญ ดังนั้นเราเก็บข้อมูลนั้นจากคนแปลกหน้าที่เดินผ่านไปมามันน่าจะดีกว่านะ

5. อย่าวางมือไว้ที่เอว
© Brent Perniac / AdMedia
การโพสท่าโดยวางมือไว้บนสะโพกอาจจะดูดีในอดีต แต่สำหรับตอนนี้แล้วมันไม่ค่อยเป็นท่าที่ผู้หญิงเลือกเวลาถ่ายภาพอีกต่อไป แน่นอนเราทุกคนต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน ในกรณีนี้ควรจับมือไว้ข้างหน้าลำตัวจะดีกว่า

6. ใช้คำพูดชื่นชมอย่างพอประมาณ
เป็นเรื่องปรกติที่เราควรจะแสดงความขอบคุณเวลาที่เราได้รับความช่วยเหลือ หรือรู้สึกดีในสิ่งที่ผู้อื่นทำให้ แต่การที่เราพูดมันซ้ำ ๆ หรือ ยืดยาวเกินไปมันก็ทำให้ความรู้สึกของผู้ฟังกลายเป็นตรงข้ามไปได้ มันจึงจะเป็นการดีกว่าที่จะไม่ใช้คำเช่น“ ขอบคุณ” และ“ กรุณา” มากเกินไป มิฉะนั้นความหมายของมันจะลดลง และถูกมองว่าเป็นการเยินยอเกินไป ตัวอย่างของคำที่ควรใช้
(x)ขอบคุณมากสำหรับค่ำคืนที่ยอดเยี่ยม ฉันรู้สึกดีใจมากที่คุณนัดฉันมา กรุณาเชิญอีกครั้งในคราวถัดไป
(✓) ขอบคุณมากๆ สำหรับมื้อเย็นที่ยอดเยี่ยม

7. การหันกลับเมื่อได้ยินเสียงเรียก
© PxHere
เราไม่ควรรีบหันกลับมาทันทีหลังจากได้ยินคนเรียกเพียงแค่ “ เธอๆ” ตามท้องถนนทั่วไป คำอุทานนี้เป็นรูปแบบการทักทายจากคนแปลกหน้า และเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ดังนั้นหากคุณต้องการทักทายคนที่คุณไม่รู้จัก บทสนทนาประเภทนี้ควรเริ่มต้นด้วยคำที่เป็นกลางๆเช่น “ขอโทษครับ สวัสดีครับ” ซึ่งนั้นจะดูสุภาพมากกว่า

เพื่อนเพื่อนได้อ่านบทความนี้มาแล้วเป็นยังไงกันบาง มีความคิดอะไรหรือทีเรื่องไหนที่เพิ่มเข้ามาแล้วทำให้เพื่อนสาวของเราดูเป็นสาวมั่นเพิ่มขึ้นอีกไหม ถ้าคิดออกก็ช่วยส่งมาให้เราดูกันด้วยสิ

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ

Back To Top