7 เรื่องเล่าคำถามตอนสัมภาษณ์งานที่ได้เจอ

สำหรับเพื่อนเพื่อนที่กำลังต้องออกมาทำงานเป็นครั้งแรกหรือใครที่กำลังคิดจะเปลี่ยนงานอยู่ในตอนนี้สิ่งหนึ่งที่พวกเราจะต้องพบเจอนั้นก็คิดการสัมภาษณ์งานนั้นเองแล้วไม่ว่าคุณจะสัมภาษณ์งานมากี่ครั้งแล้วในชีวิตที่ผ่านมาก แต่ก็ยังคงมีเรื่องแปลกใหม่จากคำถามของเหล่าผู้ที่เดินเข้ามาตั้งคำถามเหล่านั้น พวกเขาจะยังคงทำให้เราได้ประหลาดใจอยู่เสมอด้วยคำถามที่เรียบง่ายและการพูดที่นุ่มนวลแต่กลับยากมากและสร้างสิ่งที่เราจะต้องขบคิดไปหลายชั้นเลยก็ยังมีซึ่งเพื่อนเพื่อนของเราหลายคนก็คงอดใจที่จะบอกเล่าถึงเรื่องราวเหล่านี้แก่คนอื่น ๆ ได้ไม่นานนักหรอกนั้นถึงเป็นที่มาของเรื่องราวที่เรากำลังจะเล่าให้คุณได้ฟังกันนั้นเอง

ซึ่งชาวสัพเพเหระนั้นทราบอยู่เต็มที่อยู่แล้วว่าเวลาเป็นผู้ที่ต้องค่อยนั่งตอบคำถามต่าง ๆ นั้นมันช่างตื่นเต้นและทำให้เรางงได้เสมอทั้งที่คำถามเหล่านั้นบางครั้งแทบจะเป็นเรื่องที่เราถนัดมากมากแต่ก็หลงลืมไปได้เมื่อต้องเข้าไปอยู่ในห้องสัมภาษณ์และยิ่งเจอกับคำถามที่แปลกๆแล้วละก็มันก็ยิ่งทำให้เรางงขึ้นไปอีกขั้นแต่เพื่อนเพื่อนของเราก็ยังรับมือได้และอยากจะแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้ไว้ให้บนโลกออนไลน์ มาชมกันเลยดีกว่านะ

เรื่องแรก เราเริ่มสัมภาษณ์กันเลยเหรอ
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นวันที่ดีของเราเมื่อต้องเดินทางไปที่บริษัทแห่งหนึ่งเพื่อรับการสัมภาษณ์ทุกอย่างวันนั้นเริ่มต้นได้ดีมากมากเราไปถึงก่อนเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงซึ่งเมื่อเราเข้าไปแจ้งที่พนักงานต้อนรับก็ได้รับคำตอบอย่างเป็นมิตรจนกระทั้งเราไปนั่งค่อยที่ห้องเล็ก ๆ แล้วสิ่งนี้ก็เริ่มขึ้นเมื่อพนักงานยกกาแฟมาให้เราระหว่างนั้นพนักงานก็เริ่มพูดกับเราว่า

  • พนักงาน : ทำไมคุณถึงสนใจบริษัทของเราละ
  • เรา : ฟังแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรและตอบว่ากลับไปว่า “เพราะเราอยากทำงานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย และเรามั่นใจว่า บริษัทนี้ตอบโจทย์ของเรา”
  • พนักงาน : นั้นหมายความว่าคุณได้เลือกเราแล้ว
  • เรา : นั้นก็ไม่เชิงนะเพราะการที่ใครสักคนจะได้เข้าไปอยู่และทำสิ่งต่างๆ ร่วมกับเพื่อนใหม่ๆ ได้เราคงต้องได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันก่อนซึ่งผมอยากจะเรียกว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เราทั้งสองฝ่ายได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันมากกว่าการที่เป็นคนเลือกหรือถูกเลือกนะ (หลังจากนั้นเราก็คุยกันอีกเล็กน้อย)

แล้วเธอก็เดินออกไปหลังจากนั้นพนักงานต้อนรับก็เข้ามาและบอกให้เราเตรียมเอกสารการเข้าทำงานและบอกรายละเอียดที่จำเป็น สรุปแล้วการสัมภาษณ์เริ่มขึ้นและจบลงไปแล้ว เพราะงั้นจงเตรียมพร้อมที่จะตอบคำถามอย่างเป็นมิตรไว้เสมอ

เรื่องที่สอง เตรียมพร้อมเสมอ
ก่อนที่จะย้ายมาทำงานที่ใหม่เรายังจำครั้งแรกที่ไปสัมภาษณ์งานได้ดีเพราะตอนนั้นทางบริษัทส่งคำถามมาให้เราทางอีเมล์จำนวน 10 ข้อเป็นคำถามง่าย ๆ ที่ถามถึงสิ่งที่ชอบและให้อธิบายถึงตัวเองสั้น ๆ ซึ่งหนึ่งในคำตอบของเราก็คือ “เข้ากับคนง่ายและใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ” พอถึงวันที่ต้องไปสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง มีคนหนึ่งหัวเราะขึ้นมา และถามฉันว่า

  • พนักงาน A : คุณใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆจริงเหรอ เพราะขนาดคำถาม 10 ข้อยังตอบกลับมาไม่ครบเลย
  • เรา : (ยังดีที่เราพิมพ์เอกสารคำตอบมาด้วยและตอบกลับไปว่า) กระดาษคำตอบที่คุณได้มาอาจจะไม่ครบถ้วนแต่เราได้เตรียมพิมพ์คำตอบเหล่านั้นมาด้วยแล้ว ถ้าคุณจะช่วยอ่านคำตอบเพิ่มเติมในตอนนี้ก่อนที่เราจะเริ่มคุยกันต่อไปดีไหมและเราก็ยื่นเอกสารนั้นไปให้

หลังจากนั้นเราก็เริ่มถามคำถามกันไปมาเกี่ยวกับงานที่ทำและก็มาเฉลยตอนท้ายว่าคำถามแรกที่ว่าเราตอบไม่ครบนั้นเพื่อทดสอบว่าเราจะสามารถจัดการกับสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ขนาดไหน ซึ่งเราทำได้ดีและได้งานนั้นในที่สุด

เรื่องที่สาม คำถามที่คิดไม่ถึง
หลังจากที่เราเริ่มพูดคุยเรื่องการทำงานและความสามารถของเราในห้องสัมภาษณ์อยู่เกือบสามสิบนาทีแล้วซึ่งเราก็คิดว่ามันน่าจะเพียงพอสำหรับข้อมูลที่เราทั้งสองฝ่ายจะใช้ในการตัดสินใจ แต่แล้วผู้สัมภาษณ์ท่านหนึ่งก็ถามคำถามขึ้นมาว่า

  • พนักงาน A : แล้วคุณมีเหตุผลอะไรไหมที่เราไม่ควรจ้างคุณ
  • เรา : เราให้ความสำคัญกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเสมอและ ครอบครัวก็คืออีกหน้าที่ของเราดังนั้นเหตุผลเดียวที่จะทำให้เราไม่สามารถทำงานที่บริษัทมอบหมายถึงขนาดที่ไม่ควรจ้างนั้นก็คือเรากำลังทำเพื่อครอบครัวและนั้นคือสิ่งที่เราเลือกที่จะทำ

หลังจากนั้นเราก็เข้าทำงานที่นั้นอยู่หลายปีก่อนที่จะต้องย้ายออกมาเพราะครอบครัวของเราย้ายที่อยู่ใหม่

เรื่องที่สามชื่อก็สำคัญ
ด้วยความที่ตำแหน่งพนักงานของเราต้องค่อยดูแลเอาใจใส่ลูกค้าอยู่เสมอดังนั้นเวลาสัมภาษณ์งานเรามักจะได้ไปคุยกันแบบสบายสบายที่ร้านอาหารในตอนกลางวันหรือช่วงเย็นซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน เรานัดทานอาหารกลางวันในร้านที่คนไม่มากนักเพื่อที่จะได้คุยกันได้สะดวก ระหว่างที่เรากำลังจะเริ่มสั่งอาหารพนักงานก็มาแนะนำตัวและบอกเมนูอาหารแนะนำสองสามอย่างซึ่งเป็นเมนูที่น่าทานมาก หลังจากที่ทานอาหารและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะลุกจากโต๊ะจู่ ๆ ผู้สัมภาษณ์ก็ถามเราว่าพอจะจำได้ไหมว่าพนักงานที่มาแนะนำเมนูอาหารนั้นชื่ออะไร ซึ่งเราไม่ได้สนใจเลยจึงตอบไม่ได้ และนั้นเองคือสิ่งที่ทำให้เราคิดว่าเราพลาดงานนั้นเพราะแค่เพียงชื่อเท่านั้นเอง (สำหรับหน้าที่ที่ต้องพบผู้คนจำนวนมากในแต่ละวันการจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างชื่อของลูกค้าถือเป็นเรื่องจำเป็น)

เรื่องที่สี่ขอแบบนี้ก็ได้เหรอ
ครั้งหนึ่งเราเคยไปสัมภาษณ์กับบริษัทขนาดเล็กแห่งหนึ่งซึ่งพอไปถึงและเริ่มกรอกใบสมัครเราก็ขอตัวกลับทันที เพราะว่าหนึ่งในรายละเอียดที่ต้องกรอกคือชื่อและเบอร์ของคนที่เรารู้จักยี่สิบชื่อ ซึ่งเราคิดว่านั้นคือสิ่งที่ไม่น่าจะจำเป็นเลยและถ้าใครเจอคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่ควรที่จะตอบคำถามเหล่านั้น

เรื่องที่ห้า ขนาดนั้นเลย
ตอนที่เราจะไปสัมภาษณ์งานตำแหน่งพนักงานดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทแห่งหนึ่งหลังจากสอบถามเรื่องการทำงานของเราเกี่ยวกับระบบต่าง ๆ อยู่จนพอใจทางผู้สัมภาษณ์ก็เริ่มบอกเราเกี่ยวกับงานเล็กน้อยอื่น ๆ ที่ต้องทำเพิ่มซึ่งเราก็นั่งฟังและสรุปได้ว่า เราต้องทำทั้งหน้าที่ดูและระบบคอม รวมไปถึงการช่วยรับโทรศัพท์และออกไปช่วยพนักงานจัดบูทตามงานอีเวนท์ในวันเสาร์อีกด้วย ซึ่งเราฟังจบก็ขอตัวกลับอย่างสุภาพทันที คงไม่ต้องบอกว่าเราไม่ได้ตอบรับข้อเสนอนั้น

เรื่องที่หกคำตอบที่ตรงประเด็น
มันเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเราที่อยากจะบอกเพื่อนเพื่อนเกี่ยวกับการสัมภาษณ์นั้นก็คือทุกครั้งที่เราได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยกันนั้น มักจะเจอคำถามซึ่งดูพื้น ๆ นั้นก็คือช่วยบอกเรื่องราวแนะนำตัวเอง ซึ่งมันไม่ยากเลยก็แค่พูดในสิ่งที่เราเป็นและเราทำได้ แต่ก่อนที่จะจบคำตอบนั้นเราแค่ต้องเพิ่มคำถามกลับไปถึงผู้สัมภาษณ์ว่าเราอยากรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับลักษณะของคนที่เขาต้องการหรือหน้าที่ที่จะต้องทำเพื่อที่จะสรุปคำตอบให้ตรงประเด็นยิ่งขึ้นเพื่อใช้ในการพิจารณาและบอกไปถึงสิ่งที่เราจะทำได้ดีมากยิ่งขึ้นนั้นเอง

เรื่องที่เจ็ดเตรียมตัวให้พร้อมรับโอกาส
มันไม่ได้ง่ายเลยที่จะมองหาสิ่งที่เราชอบและสิ่งนั้นกลายมาเป็นที่มาของอาชีพการงานที่จะทำให้เรามีความสุขได้แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะส่งต่อไปให้กับเพื่อนเพื่อนทุกคนนั้นก็คือการเตรียมความพร้อมของตัวเองนั้นเองด้วยวิธีการง่าย ๆ ก็คือหาสิ่งที่เราจะทำและฝึกฝนความรู้ที่ต้องใช้เท่าที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองให้ชำนาญและเมื่อถูกถามถึงสิ่งที่ที่เราทำได้เราจะตอบมันได้อย่างมั่นใจและนั้นแหละคือการเตรียมพร้อมก่อนที่เราจะเข้าไปรับมือกับการสัมภาษณ์งานนั้นเอง

แล้วเพื่อนเพื่อนละการสัมภาษณ์งานที่ยากหรือสนุกที่สุดที่คุณเคยมีมาเป็นแบบไหน ช่วยแบ่งปันเรื่องราวการสัมภาษณ์งานของคุณกับเพื่อนเพื่อนของเราในเพจด้วยสิ
เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน

Back To Top