5 เรื่องของเหตุที่ควรออกห่างจากคนคิดลบ

การมีเพื่อนมากมากมันก็ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดีถ้าเราดูจากมุมมองของคนข้างนอกแต่พอเราลองมาเป็นเพื่อนกันกับผู้คนเหล่านั้นแล้วละก็มีสิ่งหนึ่งที่เราอยากจะขอบอกเพื่อนเพื่อนให้ได้ฟังไว้จะได้คิดสักนิดก็ยังดี สิ่งที่พวกเราชาวสัพเพเหระต้องการจะบอกกับเพื่อนเพื่อนของพวกเรานั้นก็คือความสัมพันธ์ที่ดีนั้นมันต้องดูกันนานๆเพราะเราไม่สามารถบอกได้หรอกว่าใครกันที่เข้ามาหาเราและคบหาเราเพียงเพื่อต้องการบางสิ่งบางอย่างจากเรา หรือใครกันที่ไม่เคยสนใจอะไรเลยนอกจากเรื่องของตัวเองซึ่งเพื่อนที่ดีที่เราอยากจะพูดถึงก็คือเพื่อนที่เราสามารถเรียกได้เต็มปากในวันที่เรานั้นต้องการความช่วยเหลือหรือบางครั้งคนเหล่านั้นอาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเราโดยที่เราไม่ได้ร้องขอเลยด้วยซ้ำไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะรู้ได้เราก็ต้องผ่านประสบการณ์และช่วงเวลาการเป็นเพื่อนกันมาสักระยะหนึ่งก่อนถึงจะมองกันออกได้ แต่เพื่อนหรือบุคคลอีกประเภทหนึ่งซึ่งวันนี้เราอยากจะพูดถึงนั้นก็คือเหล่าคนที่มีความคิดในแง่ลบนั้นเอง

ซึ่งพวกเราชาวสัพเพเหระอยากจะบอกเพื่อนเพื่อนให้ถอยห่างออกจากคนประเภทนี้เลยเพราะในระยะยาวแล้วนอกจากมันจะไม่เกิดประโยชน์กับตัวเราแล้วมันยังก่อให้เกิดสิ่งไม่ดีกับเราตามมาได้ด้วย ดังนั้นทางที่ดีที่เราอยากจะแนะนำเวลาที่เรารู้สึกได้ว่าคนที่อยู่ข้างๆเราเป็นคนที่คิดลบแล้วละก็ให้เพื่อนเพื่อนออกห่างแบบเนียนมาเลยจะดีกว่านะและนี้คือผลที้เกิดขึ้นหากเราสามารถออกมาจากคนเหล่านี้ได้

สุขภาพของเราจะเปลี่ยนแปลงไป
เป็นเพราะว่าเหล่าคนคิดลบนั้นมักจะนำพาเรื่องราวและความคิดต่างๆ ของเค้ามาให้เราฟังด้วยซึ่งพอเราต้องไปร่วมวงสนทนารับฟังและขอความเห็นจากเราแล้วมันก็ทำให้เราต้องรับฟังเรื่องราวเหล่านั้นเข้ามาในความคิดซึ่งเรื่องลบลบเหล่านั้นเองก็จะเป็นเหมือนตะกอนของสิ่งที่ไม่ดีตกค้างอยู่ในจิตใจและความคิดของเราด้วยซึ่งพอนานวันไปมันก็จะพาให้ส่งผลออกมาจากร่างกายในรูปแบบต่าง ๆ ได้ดังคำที่เคยกล่าวไว้ว่าจิตเป็นนายกายเป็นบาวหากเราอยากที่จะมีร่างกายที่แข็งแรงและสดใส พื้นฐานของจิตใจที่สบายๆยอมส่งผลที่ดีกว่าอย่างแน่นอนดังนั้นพอคุณถ่อยห่างออกมาจากเพื่อนหรือบุคคลที่คิดลบได้แล้วละก็มันต้องส่งผลดีต่อร่างกายของคุณด้วยอย่างแน่นอน หรืออย่างน้อยมันก็ดีตรงที่ว่าคุณไม่ต้องค่อยมารับฟังการพูดคุยทางโทรศัพท์ตอนกลางคืนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อแค่นั้นก็ทำให้คุณเข้านอนได้อย่างปลอดโปร่งและหลับได้เต็มทีแล้ว

ความคิดเห็นจากคนเหล่านี้อาจจะขัดขวางทางเดินสู่ความสำเร็จของคุณก็ได้
เป็นเพราะด้วยแง่คิดซึ่งติดลบของคนเหล่านี้จึงมักมองไม่เห็นหนทางหรือวิธีการที่สร้างสรรค์แต่พวกเค้ามักจะมองไปยังปัญหาต่าง ๆ และพูดให้เราต้องกังวลกับสิ่งเหล่านั้นแทนที่จะมีมุมมองที่ดีหรือเรื่องราวสร้างสรรค์ที่จะมาช่วยเราทำให้สิ่งที่เราอยากจะทำนั้นสำเร็จได้ดังนั้นเมื่อเราออกมาจากเค้าแล้วละก็อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องมาฟังเรื่องที่บันทอนกำลังใจของเราในการทำตามความฝันหรือความต้องการของเราเองก็ได้ ซึ่งนั้นคือสิ่งที่หากเราได้ลองพยายามทำดูแล้วละก็อย่างน้อยที่สุดมันก็ยังให้ประสบการณ์ที่มีค่าแก่เราอย่างแน่นอน และการไม่ได้ฟังเรื่องราวที่คิดลบนั้นยอมทำให้เรากล้าที่จะลงมือทำทุกอย่างมากขึ้นอีกด้วย

เราจะเป็นอิสระทางความคิดและทำในสิ่งที่เราอยากทำได้มากขึ้น
หนึ่งสิ่งที่เป็นลักษณะโดดเด่นของคนที่มีแนวคิดแบบลบๆนั้นก็คือพวกเค้ามักจะพยายามโน้มน้าวและเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่โดยเมื่อมีคนแบบนี้อยู่ข้างกายเค้าก็จะพยายามให้เราทำตามสิ่งที่เค้าบอกและหากเราไม่เชื่อแล้วบังเอิญเกิดเรื่องแบบที่คนเหล่านี้เคยบอกไว้ก็จะยิ่งกลับมาตอกย้ำเราด้วยคำพูดอีก ดังนั้นเมื่อเราพ้นจากเค้ามาได้ความคิดและการตัดสินใจของเราก็จะไม่ถูกรบกวนด้วยคำพูดจากคนเหล่านั้น ทีนี้เราก็สามารถคิดและวางแผนเปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยด้วยเหตุและผลซึ่งนั้นคือสิ่งที่ดีกว่าที่เราควรจะใช้เพื่อตัดสินใจอะไรสักอย่าง

กลับมาดูแลตัวเองได้มากขึ้น
เวลาอันมีค่าของคุณจะถูกนำมาใช้กับตัวเองมากขึ้นทั้งการใส่ใจและการทำให้ตัวเองดูดีขึ้นนั้นก็เพราะว่าเวลาที่คนข้างกายเรานั้นเป็นเหล่าคนคิดลบมันก็จะพาเราไปในทางนั้นด้วยเช่นเดียวกันกับพฤติกรรมหรือกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งหากเราทำอะไรที่แตกต่างก็อาจจะโดนตั้งกลุ่มว่าเอาก็ได้ ดังนั้นถ้าเรารู้สึกว่าอยู่ใกล้ชิดกับคนเหล่านี้แล้วมันมีแค่ความเฉื่อยช้ามีแต่อะไรที่ไม่สดใสเอาซะเลยก็รีบบอกลาแล้วออกให้ห่าง รับรองได้ว่าเพียงไม่นานคุณก็จะกลับมาสดใสเหมือนอย่างเก่าได้อย่างแน่นอน

และสิ่งสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดที่เราจะบอกก็คือการที่เรานั้นถูกลายล้อมไปด้วยคนคิดลบแล้วละก็ไม่นานเราเองนั้นแหละที่จะซึมซับเอาความคิดและสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเข้ามาทำให้เรากลายเป็นคนแบบนั้นไปด้วยที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าในตัวเรานั้นมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าความพยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมนั้นเองซึ่งมันจะทำให้เรากลายเป็นเหมือนคนที่อยู่รอบรอบตัวเราแบบช้า ๆ นั้นเองดังนั้นหากเพื่อนเพื่อนอยากที่จะประสบความสำเร็จแล้วละก็ลองขยับตัวเองเข้าไปในกลุ่มคนที่มีความหวังและเป้าหมายดูสิ พอเป็นแบบนั้นแล้วถ้าเราสามารถอยู่ในกลุ่มนั้นได้ละก็เราก็จะกลายเป็นคนที่มีเป้าหมายและเริ่มเดินตามเส้นทางสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

อ่านมาถึงตอนนี้แล้วเพื่อนเพื่อนคงจะรู้แล้วสินะว่าสิ่งที่เราควรมีคือเพื่อนดีดีไม่ใช้เพื่อนมากมากดังนั้นลองสังเกตุดูว่าตอนนี้ใครบ้างที่ดีกับเราจริงๆหรือใครบ้างที่มาเพื่อประสงค์อย่างอื่น

เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ

Back To Top