5 เรื่องราวของคุณครูที่ได้ทั้งใจและความเคารพจากเราทุกคน
ถ้าจะให้พวกเราพูดถึงใครสักคนหนึ่งที่ทำให้เราคิดถึงในวันที่เราสามารถเป็นเราในแบบนี้ได้บุคคลนั้นก็คงจะต้องมี สักคนหนึ่งแหละที่เป็นคุณครูของเรา เพราะอย่างน้อยก็ต้องบอกว่าในตอนที่เราเป็นเด็กนั้นเราก็ไม่ได้เก่งกาจที่จะทำได้ทุกอย่างมันก็ต้องมีคนที่อยู่รอบตัวเรานี้แหละที่จะมาช่วยสอนให้เราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นได้และวันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระก็ได้อ่านเรื่องราวดีดีจากเพื่อนของเราที่กล่าวถึงคุณครูของเค้า ซึ่งเมื่อเราอ่านแล้วก็ต้องร่วมยินดีไปกับเค้าเหล่านั้นด้วยเพราะว่าการที่มีใครสักคนมามอบสิ่งดีดีเหล่านี้นั้นมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลย ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ตอนที่เรายังเรียนอยู่มัธยมต้นวิชาเลขคือสิ่งที่เราไม่ถนัดมากมากเลย ถึงขนาดที่ว่าทำสิบข้อก็ผิดไปสักเจ็ดข้อเห็นจะได้ แต่พอตอนขึ้นมัธยมปลายกลายเป็นว่าเรากลับชอบวิชานี้มากมากไม่ได้เป็นเพราะเราเก่งขึ้นหรอกนะ แต่เป็นเพราะคุณครูที่สอนต่างหากท่านเห็นว่าเราและเพื่อนเพื่อนอีกหลายคนเลยที่ไม่เข้าใจในวิชานี้นอกจากที่คุณครูท่านนี้จะไม่ได้ดุพวกเราแล้วยังตามเด็กๆคนอื่นๆให้มารวมตัวกันในตอนเย็นและอยู่สอนวิชาเลขให้พวกเราอีกรอบแบบช้าๆ และพอเราถามว่าคุณครูจะได้อะไรจากการทำแบบนี้ ท่านตอบสั้นๆว่า “ครูก็ได้ทำหน้าที่ของครูให้ออกมาดีที่สุดยังไงละ” สิ่งที่คุณครูตอบกลับมาก็ทำให้เราและคนอื่นๆหันกลับมาพยายามตั้งใจเรียนกันอย่างมากเพราะเราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ออกมาดีที่สุดเหมือนกันยังไงละ ผิดเป็นครู ตอนเด็กๆพวกเราน่าจะต้องมีสิ่งที่เรียกว่าการบ้านซึ่งนั้นก็คือสิ่งที่คุณครูของเราในแต่ละวิชาให้พวกเรากลับมาทำหลังจากเรียนเสร็จแล้วในตอนกลางวันนั้นเอง ซึ่งแต่ก่อนเราก็คิดว่ามันไม่ได้มีอะไรสำคัญเลยเพียงแค่เราไปถึงโรงเรียนในตอนเช้าและขอยืมการบ้านจากเพื่อนที่ทำเสร็จแล้วมาคัดลอกตามไม่นานเราก็มีการบ้านพร้อมสิ่งแล้ว แต่คุณครูท่านหนึ่งทำให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของการทำการบ้าน เพราะหลังจากเปิดเทมอใหม่ได้ไม่นานวันหนึ่งคุณครูพูดขึ้นในช่วงเช้าก่อนที่จะเริ่มเรียนว่า ครูรู้สึกดีมากมากที่ทุกคนในห้องมีการบ้านมาส่งตรงเวลาเสมอและส่วนใหญ่ก็ถูกเหมือนกันหมดซะด้วย แต่ครูอยากจะขอให้นักเรียนทุกคนช่วยอะไรอีกสักอย่างนั้นก็คือช่วยทำการบ้านเหล่านั้นด้วยตัวเอง เพราะสิ่งที่ครูอยากเห็นก็คือ “คำตอบที่ผิดของแต่ละคนเพื่อที่ว่าครูจะได้ทราบว่าแต่ละคนนั้นยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจตรงไหนบ้างและครูจะได้ช่วยสอนหรือทบทวนในเนื้อหาเหล่านั้น” หลังจากพูดจบแล้วครูก็เริ่มสอนตามปกติและหลังจากวันนั้นผมก็ลองทำการบ้านเองซึ่งแน่นอนว่าบางวันก็ไม่เสร็จและยังมีข้อที่ทำผิดอีกเพียบ แต่คุณครูก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับเรียกผมและเพื่อนคนอื่นๆที่ทำไม่ได้ไปสอนในตอนท้ายชั่วโมงอย่างใจเย็นอีกด้วย นี้แหละผิดเป็นครูจริง ๆ พูดความจริง © Flickr สมัยเด็กๆเราก็มีเรื่องที่กลัวกันอยู่มากและสิ่งเหล่านั้นก็เป็นเรื่องที่เราคิดกันไปเองซะส่วนใหญ่ ซึ่งทางออกหรือวิธีการแก้ไขปัญหาของเด็กๆอย่างเรานั้นก็ง่ายมากมากนั้นก็คือ แต่พยายามไม่บอกความจริงซึ่งแต่ก่อนเราก็ใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหาหลายหลายเรื่องจนกระทั่งวันหนึ่งในวิชาภาษาอังกฤษขณะที่ทุกคนกำลังทยอยเอาการบ้านไปส่งที่หน้าชั้นเรียน มีแต่ผมเองที่ยังไม่ลุกไปส่งเพราะว่าผมลืมทำและด้วยความที่กำลังคิดหาเหตุผลแก้ตัวหรือพยายามแต่งเรื่องอยู่ในช่วงนั้นเอง คุณครูเดินมาถึงโต๊ะและอยู่ต่อหน้าผมแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วถามว่า การบ้านอยู่ที่ไหนซึ่งผมตกใจมากเลยตอบไปแบบไม่ทันคิดว่า “ผมลืมทำครับ” พอพูดจบก็คิดในใจว่าต้องโดนแล้วแต่กลายเป็นว่าคุณครูเดินกลับไปที่หน้าห้องแบบช้าๆ แล้วก็บอกว่า “ลืมทำก็บอกกันตรงๆก็เท่านั้นแหละ แล้วพรุ่งนี้ก็ทำมาให้ครบอย่าลืมอีกละ” มันทำให้ผมสบายใจมากมากเลยเพราะเราไม่ต้องไปสรรค์หาคำพูดหรือเรื่องราวอะไรที่ไม่เป็นความจริงมาบอกครู และการพูดความจริงมันก็ทำให้เราสบายใจมากมาก และหลังจากวันนั้นเราก็พยายามพูดความจริงในทุกเรื่องเพราะถึงเราจะโดนดุหรืออะไรก็แล้วแต่แต่เรื่องเหล่านั้นมันก็จะผ่านไป ต่างกับเรื่องที่เราพูดแต่งขึ้นมาพอมีใครถามถึงเราก็ยังคงรู้สึกอึดอัดและต้องพูดแบบนั้นไปเรื่อยๆ ทำให้เห็นจริงเข้าใจกว่าเยอะ © PiePower43 / Reddit เราเป็นนักเรียนธรรมดาที่เข้าใจอะไรได้ช้าสักหน่อย แต่เราก็โชคดีมากมากที่เราได้พบแต่กับครูดีดีอย่างตอนที่เราเริ่มเรียนวิชาฟิสิกส์ในหัวข้อของการเคลื่อนที่ ซึ่งเราก็พยายามอ่านหนังสืออยู่นานแล้วก็ยังคงเก็บมาได้แต่ความงงเท่านั้นจนคุณครูที่สอนต้องมาอธิบายวาดภาพการเคลื่อนตัวและสูตรต่าง ๆ…