7 นิสัยติดตัวที่เปลี่ยนแล้วชีวิตดีขึ้นได้อีกเยอะ

เรื่องของความชอบหรือเรื่องที่เราหลายหลายคนทำกันจนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าหากคุณได้รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมันเป็นสิ่งที่ดีอย่างเช่นการตื่นเช้า หรือการชอบออกกำลังกาย หรือการชอบดูแลช่วยเหลือผู้อื่นแล้วละก็พวกเราชาวสัพเพเหระก็อยากที่จะให้เพื่อนเพื่อนได้ทำสิ่งเหล่านั้นต่อไปเรื่อย แต่ในเมื่อมีสิ่งที่ดีแล้วละก็ในอีกด้านหนึ่งนั้นก็คือพวกเรานั้นย่อมมีสิ่งที่พวกเราทั้งหลายทำกันจนติดเป็นนิสัยและสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ค่อยข้างส่งผลต่าง ๆ ที่ไม่ค่อยดีนักกับพวกเรานั้นเอง แต่พวกเราเองก็อาจจะไม่รู้หรืออาจจะคาดไม่ถึงเลยว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและพวกเราก็าสามารถปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวเราเองนี้แหละ เพียงแต่ว่าเราอาจจะไม่ทันคิดว่ามันไม่ดีก็เลยไม่ได้ลองที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นไปนั้นเอง

วันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระเองก็เลยได้ลองรวบรวมเอาเรื่องราวนิสัยติดตัวที่หากใครมีไว้แล้วมันอาจจะส่งผลที่ไม่ค่อยดีนักต่อคุณก็เป็นได้ เพื่อว่าหากเพื่อนเพื่อนได้ลองมาอ่านแล้วก็จะได้เปลี่ยนใจและหันกลับมาสนใจตัวเองอีกทั้งอาจจะปรับเปลี่ยนแก้ไขสิ่งเหล่านั้นให้หายไปได้ก็ได้นะ พร้อมแล้วก็ลองไปอ่านกันเลยดีกว่านะว่าจะมีอะไรกันบ้างกับนิสัยที่ติดตัวเราอยู่แล้วการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นจะทำให้อะไรดีขึ้นบ้าง

การนั่งการเดินและการยืนแบบตัวตรงนั้นคือเรื่องที่เราเห็นว่าใครๆก็ทำแต่เพื่อนบางคนของเรากลับหลังค่อม หรือว่าเค้าทำไปโดยไม่ได้รู้ตัวกันแน่นะ
ต้องบอกเพื่อนเพื่อนไว้ก่อนเลยว่าการแสดงออกทางร่างกายอย่างการนั่งหรือยืนหลังค่อมนั้น มันอาจจะเป็นเพราะท่าทางการนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสมทำให้เราต้องโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ทำให้เราสามารถทำงานหรือเขียนหนังสือได้อย่างสะดวก ซึ่งนั้นเองที่นำมาซึ่งลักษณะของหลังค่อม ซึ่งเพื่อนเพื่อนสามารถแก้ไขได้ง่ายๆเลยคือเริ่มจากการปรับเปลี่ยนเก้าอี้และที่นั่งให้เหมาะ รวมถึงการออกกำลังยืดเยียดกล้ามเนื้อต่าง ๆ เพื่อให้กลับมามีท่าทางที่ถูกต้องได้ แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องบอกเลยว่ามีผลต่อท่าทางของเราด้วยนั้นก็คืออารมณ์และความรู้สึกที่เรามีนั้นเอง โดยเราพบว่าคนที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีคุณค่าหรือไม่มั่นใจในตัวเอง ก็จะพยายามทำตัวให้เล็กเพื่อไม่ให้สังเกตุเห็นหรือเป็นการป้องกันตัวทางอ้อมนั้นเอง

สำหรับเพื่อนเพื่อนที่เป็ลักษณะนี้ละก็เราอยากจะให้เพื่อนเพื่อนลองหัดทำบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเองอย่างเช่นการลองติ่นเช้าและการทำเรื่องเล็กๆอยากการตั้งเป้าหมายเล็กๆในชีวิตตัวอย่างเช่นจะออกกำลังกายทุกเช้าเบาๆและเมื่อคุณทำได้แล้วละก็มันก็จะค่อยๆ เพิ่มความมั่นใจและคุณก็จะค่อยรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นนั้นเอง

การผลัดวันประกันพรุ่ง
ต้องบอกว่าทุกคนล้วนแล้วแต่มีหน้าที่ และมีสิ่งที่ต้องทำบางครั้งมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวและบางครั้งมันก็เป็นเรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย แต่สิ่งที่เราเลือกที่จะทำกับงานเหล่านั้นก็เห็นได้สองอย่างนั้นก็คือ ทำทันทีและอีกกลุ่มหนึ่งคือเลือกที่จะรอไปก่อน ซึ่งหากมันมีเหตุผลมากพออย่างเช่นคุณติดงานอื่นหรือยังต้องรอข้อมูลต่าง ๆ ให้พร้อมแล้วละก็พวกเราก็เห็นสมควรว่าสิ่งเหล่านั้นมันสามารถที่จะรอเวลาได้ แต่ถ้าหากมันมีแค่ความรู้สึกไม่อยากทำแล้วละก็เราก็อยากให้เพื่อนเพื่อนลองเปลี่ยนแปลงนิสัยเหล่านี้กันบาง เพราะยิ่งเราผลัดวันประกันพรุ่งแม้กับเรื่องเล็กๆน้อยๆแล้วละก็มันก็จะเริ่มสะสมเป็นความคุ้นเคยจนในที่สุดคุณก็จะทำสิ่งนี้กับทุกทุกเรื่องนั้นเอง
ซึ่งวิธีการที่เราอยากจะแนะนำนั้นก็คือลองทำสิ่งต่างๆที่ได้รับมอบหมายมาที่ละเล็กละน้อย หรือแบ่งส่วนงานเหล่านั้นและเมื่อเรารู้สึกว่ามันน้อยลงเราก็จะรู้สึกอยากทำมันมากขึ้น อีกทั้งเวลาที่เราทำงานที่สำเร็จได้ที่ละเล็กๆน้อยๆแล้วสะสมจนเป็นผลงานชิ้นใหญ่แล้วละก็มันก็ทำให้ได้ความยินดีและรู้สึกดีที่ได้ทำสิ่งเหล่านั้น และเมื่อเราสะสมการทำแบบนี้ไปเรื่อยเราก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นการวางแผนการทำงานได้และรู้จักจัดตารางเวลาสำหรับการทำงานที่ดีนั้นเอง ดังนั้นเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้แล้วชีวิตคุณจะพบกับความสนุกในการทำงานทุกอย่างอย่างแน่นอน

การใช้คำพูดบางอย่างก็เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาตัวเองได้นะ
เพราะสิ่งที่เราพูดออกมานั้นล้วนเกิดขึ้นจากความคิดของเรา ทั้งที่เป็นความคิดแบบตั้งใจหรือคิดแบบไม่ตั้งใจนั้นเอง ซึ่งหากคุณพูดในสิ่งที่ไม่ดีบ่อยๆแล้วละก็นั้นก็เพราะลึกแล้วคุณคิดถึงสิ่งเหล่านั้น แต่ในทางตรงข้ามหากเราพูดแต่สิ่งดีดีนั้นก็หมายความว่าคุณคิดแต่เรื่องดีดีนั้นเอง ที่เราบอกแบบนี้ก็เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกันนั้นเอง
จากการศึกษาและเก็บข้อมูลทำให้เราพบว่าคำพูดติดปาก หรือการพูดในเรื่องต่าง ๆ ในเชิงบวกหรือพูดในสิ่งที่ดีทำให้คนรอบข้างเรามีความสุขนั้นส่งผลทำให้คนเหล่านั้น มีความคิดและรู้สึกกับตัวเองและสิ่งแวดล้อมในทางที่ดีด้วยเช่นกัน และในทางตรงข้ามหากเราพูดในสิ่งที่ไม่ดีแล้วละก็ มันก็ส่งผลในทางตรงข้ามนั้นเองดังนั้นเราจึงควรหัดคิดและพูดแต่สิ่งดีดีที่ใครๆก็อยากที่จะฟังกันจะดีกว่านะ

การยอมรับผิดเป็นเรื่องที่ดีที่ควรทำแต่การคิดว่าเรื่องต่าง ๆที่เกิดขึ้นรอบตัวเป็นความปิดของเรามันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
เพราะสิ่งต่าง ๆ มากมายสามารถเกิดขึ้นกับและคนรอบตัวได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีเรื่องที่ดีและบางครั้งก็อาจจะมีสิ่งที่ผิดพลาดไปได้ซึ่งการยอมรับผิดก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะมันจะทำให้เรารู้และสามารถแก้ไขสิ่งต่าง ๆได้ แต่การที่คุณจะเอาทุกเรื่องที่ผิดพลาดมาคิดว่าเป็นเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เพราะนอกจากมันจะทำให้คุณไม่เห็นคุณค่าของตัวเองแล้วสุดท้ายมันจะทำให้คุณรู้สึกไม่กล้าที่จะทำอะไรเลยและกลัวการทำสิ่งต่าง ๆ ไปหมดซึ่งหากคุณเริ่มคิดแบบนั้นกับตัวเองแล้วละก็คงต้องไปขอคำปรึกษากับผู้ชำนาญแล้วละ แต่หากว่าคุณสังเกตุว่าเพิ่งจะเริ่มเป็นแล้วละก็เราอยากให้คุณลองเปลี่ยนวิธีการคิดก่อนโดยเริ่มจากคิดและเขียนถึงสาเหตุของสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วระบุสิ่งที่คุณทำได้และทำไม่ได้ และเมื่อลองสำรวจสิ่งเหล่านั้นแล้วหากสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะตัวคุณละก็คุณก็แค่ลงมือแก้ไขสิ่งเหล่านั้นตามที่เขียนมาเพือไม่ให้มันเกิดขึ้นได้อีก แต่ถ้าหากลองดูแล้วมันไม่ได้เกิดจากสิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบแล้วละก็เราก็อยากให้คุณสบายใจและไม่ต้องรู้สึกผิดกับสิ่งเหล่านั้น เพียงแต่ลงมือช่วยเหลือคนอื่นๆเพื่อแก้ไขให้เต็มที่เท่านั้นก็พอแล้ว

คิดถึงผลลัพท์ที่ไม่ดีไปก่อน

การประเมินสิ่งต่าง ๆ หรือการคิดวางแผนเพื่อรับมือสิ่งต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตโดยการคิดถึงสถานะการณ์ทั้งดีและไม่ดีที่เป็นไปได้ทั้งหมดนั้น ถือว่าเป็นการวางแผนที่ดี แต่หากว่าคุณเอาแต่คิดถึงสถานการณ์ในแง่ลบที่ยังไม่เกิดขึ้นโดยไม่คิดจะป้องกันหรือแก้ไขแล้วละก็ เราอยากจะบอกว่าคุณน่าจะต้องเริ่มหาที่ปรึกษาสักคนแล้วละ เพราะอันที่จริงแล้วสิ่งต่าง ๆ ที่คุณคิดว่าไม่ดีและต้องเกิดขึ้นแน่ๆนั้นถึงมันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริงก็ตามมันก็แค่เรื่องๆหนึ่งเท่านั้นเองแต่การที่คุณวนคิดแต่สิ่งไม่ดีเหล่านั้น นั้นหมายความว่าคุณกำลังรู้สึกไม่ดีกับตัวเองอย่างมาก ดังนั้นลองมองหาเพื่อนหรือลองหาที่ปรึกษาดีดีสักคนเพื่อระบายความรู้สึกและรับฟังเรื่องของคุณบ้างมันก็น่าจะทำให้คุณดีกว่าการอยู่คนเดียวและวนคิดเรื่องราวไม่ดีเหล่านั้นนั้นเอง

การยอมให้คนอื่นปฏิบัติต่อคุณไม่ดี
เรื่องของการให้อภัยหรือเรื่องความสุภาพนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่ใครๆก็ควรทำ แต่กลับคนบางคนที่เราหยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ไปให้เค้านั้นกลับได้รับแต่สิ่งที่ไม่ค่อยดีนักตอบกลับมา
ดังนั้นสำหรับแบบนี้เราจึงอยากให้เพื่อนเพื่อนวางเรื่องความสุภาพลงและเริ่มใช้เหตุผลเพื่อความเคารพในสิทธิ์ของเราและในสิ่งที่เราสมควรได้นั้นเอง ซึ่งมันคือขอบเขตทั่วไปที่

การไม่เสี่ยงอะไรเลยคือความเสี่ยงที่มากที่สุด
อีกหนึ่งในสิ่งที่ยากมากมากและพวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญและต้องหาทางผ่านมันไปให้ได้นั้นก็คือ การทำสิ่งใหม่ๆหรือการออกจากสิ่งเดิมนั้นเอง และที่เราบอกว่ามันยากก็เพราะว่าเรานั้นจะมีความกลัวที่จะทดลองทำสิ่งใหม่เพราะอาจจะคิดว่ามันอาจจะล้มเหลวหรืออาจจะมีสิ่งผิดพลาดได้และทำให้เราอาจจะต้องลำบาก
แต่อันที่จริงแล้วหากเราทำอย่างเดิมอย่างที่เคยทำโดยที่ไม่คิดจะทำอะไรใหม่ๆเลยละก็ในท้ายที่สุดแล้วหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นจะกลายเป็นว่าเรานั้นก็ต้องเสี่ยงอยู่ดี ดังนั้นการที่ได้ตั้งใจที่จะออกมาทำสิ่งใหม่ๆลองเสี่ยงดูกับสิ่งที่เราเลือกในตอนที่มีโอกาสแล้วละก็มันย่อมมีโอกาสสำเร็จมากกว่าตอนที่เราต้องมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ยังไงละ เพียงแต่ว่าคุณแค่ต้องเตรียมการและศึกษาสิ่งจำเป็นและทำมันอย่างมีการวางแผนเท่านั้นแหละความเสี่ยงต่าง ๆ มันก็จะน้อยลงมากมากเลยและมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้นตามอีกด้วย

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ

Back To Top