มีคนเคยบอกว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่พยายามทำทุกอย่างให้สะดวกสบายมากที่สุดอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้มันก็จริงอย่างที่เค้าว่ากันนะเพราะไม่ว่าจะเรื่องเล็กเล็กน้อยน้อยขนาดไหน หากมันมีกำลังจ่ายที่มากพอก็จะมีคนอาสาคิดประดิษฐ์สิ่งของหรือเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อทำให้สิ่งนั้นกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที่เลย แต่ไม่ว่าพวกเราจะพัฒนาและควบคุมสิ่งต่าง ๆ มากมายขนาดไหนก็ตามแต่มันก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้และหนึ่งในสิ่งเหล่านั้นนั้นก็คือพลังของธรรมชาตินั้นเอง
อย่างสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว หรือบางครั้งที่ฝนตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนไปถึงพลังงานจากลมที่พัดโหมหระหน่ำเข้ามาจากทุกทิศทาง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นอย่างที่ต่อเนื่องแต่ก็ไม่มีใครสักคนที่คิดหาเครื่องมือหรือวิธีการที่จะหยุดสิ่งเหล่านี้ไม่ให้เกิดขขึ้นได้ ซึ่งครั้งหนึ่งเราเคยสอบถามด้วยคำถามว่า “จะทำยังไงให้เราสามารถจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้ได้เพื่อที่ว่าพวกเราจะได้ใช้ชีวิตที่สบายและง่ายยิ่งขึ้นไปกว่านี้” และคำตอบที่ได้กลับมาก็คือมันเป็นไม่ได้เพราะอันที่จริงแล้วเราก็ยังเป็นส่วนหนึ่งที่เล็กมากมากของธรรมชาติเท่านั้นเองฟังแล้วก็เข้าใจได้เลยว่าอันที่จริงแล้วพวกเราก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือมีพลังมากไปกว่าสิ่งที่อยู่รอบตัวเรานี้แหละ และวันนี้พวกเราก็เลยเอาภาพเมื่อธรรมชาติอยากจะเล่นตลกกับพวกเราด้วยการทำให้เกิดสิ่งที่เราไม่คาดฝันเหล่านี้ขึ้น
เช้าสดใยกับพยากรณ์อากาศที่บอกว่าจะมีแดดส่องไปจนถึงตอนเย็น เราก็เลยออกไปขับรถกินลมเล่นๆ กับเจ้าหมาน้อยของเรา แต่ใครจะคิดว่าไปได้ครึ่งทางฝนก็แทลงมาทำให้ทั้งเราและน้องหมาต้องเปียกปอนไปตามๆกันแบบนี้
ไม่ใช่ภาพถ่ายตอนกลางคืนหรอกนะ คุณกำลังเห็นภาพตอนเที่ยงวันกับเมฆฝนที่ทำให้ทั้งท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิท
เมื่อก้อนน้ำแข็งจากฝากฟ้ามาบรรจบกับซันรูฟ(ช่องเปิดหลังคารถเพื่อชมวิว) ยังดีที่ฟิมล์กันรอยทำให้มันไม่ทะลุลงมาถึงข้างในและยังดีทีไม่มีคนอยู่ในตอนนั้น
คงไม่ต้องบอกว่าอากาศของนอกนั้นหนาวขนาดไหน และนี้คือภาพของรถที่จอดค้างคืนไว้ในคืนที่ฝนกระหน่ำของอุณหภูมิลบ 50 องศา
คุณกำลังมองภาพวิวจากจุดที่สวยที่สุดอยู่ เพียงแต่ว่าวันนี้หมอกลงจัดหน่อยเท่านั้นเเอง
เมื่อสายลมไม่ได้พัดพามาแต่ความเย็นแต่เอาพงหญ้ามาฝากเราด้วย
เมื่อเพื่อนถามว่าเราร้อนไหมและเราตอบว่าร้อนมาก แต่เค้ากับบอกเราว่าคันข้างหน้าคงร้อนกว่าเราเยอะ พอหันไปดูก็เข้าใจเลย (ไปเจออะไรร้อนๆที่ไหนมาเนี้ย)
เมื่อวานอากาศเย็นมากจนทางการต้องบอกให้อยู่แต่ในบ้าน และสิ่งที่เราเจอที่โรงแรมก็ทำให้เราเข้าใจว่ามันเย็นขนาดไหน (ก็ขนาดเย็นเข้ามาข้างในขนาดนี้ข้างนอกจะขนาดไหน)
ไปขับรถเล่นแต่เจอพายุทรายเท่านั้นเองเพื่อน
แต่ก่อนไม่เคยเข้าใจสุภาษิตที่บอกว่าเมื่อน้ำขึ้นให้รีบตัก ตอนนี้เข้าใจแล้วเพราะพวกเราตักน้ำเทออกนอกหน้าต่างมา 3 ชั่วโมงแล้วเนี้ย
เหมือนงานฉลองที่โปรยดอกไม้แสดงความยินดี แต่อันที่จริงคือเมื่อว่าฝนเทลงมาและอากาศเย็นจัดทำให้ใบไม้ร่วงลงมากองที่รถเราแบบนี้
เมื่อสายลมพัดต่อเนื่องทำให้หินผายังอ่อนลงได้และเปลี่ยนไปขนาดนี้
เพื่อนโทรมาถามว่าเมื่อวานพายุเข้าลมที่บ้านพัดแรงไหม เราไม่ตอบอะไรได้แต่ส่งภาพนี้ไปให้ดู
แดดแรงมากแค่ไหนเราก็ไม่แน่ใจหรอกนะ แต่มันก็คงร้อนแรงพอที่จะทำให้เรือพลาสติกอ่อนตัวลงได้ขนาดนี้
เพื่อนบอกว่าขอลางานวันหนึ่งเนื่องจากมีน้ำแข็งอยู่ใต้รถ เราก็โทรกลับไปว่าให้เขี้ยออกแล้วรีบมา แต่พอเค้าส่งรูปนี้มาบอกให้ไปช่วยเขี้ยหน่อยก็เข้าใจเลย
ใครชอบหิมะมาได้นะรับรองมีให้เยอะมาก
ลืมปิดหน้าต่างไว้แค่คืนเดียวเท่านั้นแหละ
ออกไปเดินเล่นสะพายเป้ข้างนอก 30 นาทีตอนเดินกลับเข้ามาเพื่อนถามว่าทำไมกลับมาเร็วจัง และนี้คือสิ่งที่เราให้เพื่อนดู (ออกไปแค่นี้ก็เหงื่อชุ่มซะขนาดนี้แล้วถ้าไปต่อคงเหมือนว่ายน้ำอะ)
ถ้าคุณคิดไม่ออกมาลมพายุจะมีกำลังขนาดไหนก็ลองชมภาพนี้ดูว่า มันมีกำลังมากพอที่จะทำให้ต้นไม่ที่มีรากยึดเกาะขนาดใหญ่เท่านี้ลงไปกองได้
ตอนมาที่เมืองนี้ใหม่ๆ ญาติเราบอกว่าอย่าลืมปิดหน้าต่างเวลาไม่อยู่ที่ห้อง และนี้คือเหตุผลที่เค้าบอก
สายฝนมาได้เสมอแม้ในวันที่พยากรณ์อากาศจะบอกว่ามีแดดจ้า
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก boredpanda — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ