บทเรียนดีดีที่พ่อแม่ควรสอนลูกๆเพื่อการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

ถ้าจะบอกว่าการเลี้ยงดูลูกๆให้เติบโตนั้นมันต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์และอีกหลายหลายอย่างมากมายเพื่อหล่อหลอมพวกเค้าเหล่านั้นให้เติบโตขึ้นมาเป็นทั้งคนดีและคนเก่งที่มีความสามารถในการยืนอยู่ในสังคมที่แวดล้อมไปด้วยผู้คนที่มาจากที่ต่าง ๆ นั้นเองแต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะให้เพื่อนเพื่อนได้ทราบอีกอย่างหนึ่งนั้นก็คือการดูแลลูกผู้ชายและลูกผู้หญิงนั้นมันก็มีส่วนที่ต้องสนใจไม่เหมือนกันอีกด้วย

ซึ่งหลายหลายบ้านนั้นก็อาจจะรู้อยู่แล้วแต่เพื่อนของเราบางคนนั้นก็อาจจะไม่ทราบถึงเรื่องราวบางเรื่องซึ่งนั้นก็เป็นได้เพราะสิ่งเหล่านี้มันไม่ได้มีอยู่ในบทเรียนที่เราจะต้องเรียนรู้แต่มันมาจากประสบการณ์ที่ ได้พบผ่านกับตัวเองหรือคนอื่นๆได้ครอบครัวส่งต่อกันมา วันนี้พวหเราชาวสัพเพเหระก็เลยอยากจะมาส่งมอบความรู้บางอย่างที่พวกเราทราบให้เพื่อนเพื่อนได้ลองพิจารณาดูสิว่าสิ่งเหล่านี้จะมาช่วยให้เพื่อนเพื่อนช่วยฝึกฝนและเลี้ยงดูเหล่าบรรดาลูกลูกยของเพื่อนเพื่อนเติบโตมาอย่างเข้มแข็งได้อย่างไร

มาลองชมกันเลยดีกว่านะว่าจะมีเรื่องราวแบบไหนกันบ้าง

ฝึกรับมือกับการพ่ายแพ้
คงต้องบอกว่าตามปกติแล้วเมื่อเราเข้าไปอยู่ในเกมการแข่งขัยบางอย่างมันก็แน่นอนที่ผลของสิ่งเหล่านั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราทำหน้าที่หรือทำสิ่งต่าง ๆ ในเกมได้ดีขนาดไหนและอีกฝั่งทำได้ดีน้อยกว่าหรือมากกว่าเรา ซึ่งผลที่เราต้องเผชิญนั้นก็อาจจะมีทั้งชนะและแพ้นั้นเอง ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าเราจะทำอย่างไรเมื่อเราเป้นผู้ชนะเพราะมันเป็นสิ่งที่สร้างความรู้สึกดีอยู่แล้ว แต่หากว่าเราแพ้ละคุณพร้อมที่จะยอมรับสิ่งเหล่านี้หรือยัง ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนไม่เคยผ่านการรับมือเมื่อเราแพ้หรือผิดพลาดซึ่งบางคนก็แสดงออกมาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดหรือบางคนก็เอาแต่บอกว่าเป็นความผิดพลาดของคนอื่นๆ ซึ่งนั้นเป็นเพราะพวกเค้าไม่เคยฝึกรับมือกับความพ่ายแพ้นั้นเอง ดังนั้นสิ่งที่เราอยากให้เพื่อนเพื่อนได้ลองฝึกสอนให้ลูกของคุณได้เผชิญนั้นก็คือความจริงในส่วนนี้นั้นเอง และฝึกให้รับมือได้และรู้หน้าที่ของตัวเองว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อความพ่ายแพ้เหล่านี้มาเยือน เพียงเท่านี้พวกเค้าก็จะสามารถนำเอาผลจากความพ่ายแพ้ในแต่ละครั้งมาพัฒนาตัวเองต่อไปได้นั้นเอง

เป็นผู้ชายก็ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา
ในเวลาที่เราสอนเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงนั้นสิ่งหนึ่งที่เราคาดหวังนั้นก็คือ ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งไม่ร้องไห้เสียน้ำตากับเรื่องเล็กน้อย ซึ่งก็ฟังดูดีนะที่จะมีคนที่เข้มแข็งแบบนั้นแต่บางคนอาจจะลืมไปว่าคนเรานั้นมันมีด้านที่อ่อนแอ่กันอยู่แล้วและเมื่อเราต้องได้พบกับความผิดหวังหรือเสียใจก็เป็นธรรมดาที่เราจะร้องไห้ออกมา ซึ่งการที่เราสอนให้ใครสักคนเอาแต่ทำตัวเข้มแข็งเมื่อเผชิญกับช่วงเวลาที่เสียใจมันก็อาจจะเป็นการสร้างแรงกดดันที่มากเกินไป อันที่จริงแล้วเราอยากจะแนะนำว่าให้เพื่อนเพื่อนลองมองอีกมุมหนึ่งนั้นก็คือ การสอนให้เค้ารู้จักกับการรับมือกับช่วงเวลาเหล่านั้นมากกว่า เช่นบางเรื่องเราก็สามารถแสดงออกมาต่อหน้าคนอื่นๆได้เพียงแต่ว่าเราต้องมีสติไม่จมอยู่กับความคิดเสียใจในเรื่องนั้นๆนั้นเอง ซึ่งการที่เราได้แสดงออกถึงความรู้สึกอย่างการร้องไห้ออกมานั้นทำให้เราสบายใจและยังช่วยให้เราผ่อนคลายจากความเศร้าได้ดีอีกด้วยนะ

รู้จักวิธีการยอมรับความผิดพลาด
ฟังดูแล้วมันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่าสิ่งท่เราทำนั้นผิดหรือถูก แต่อันที่จริงแล้วเราอยากจะบอกว่าคนเรานั้นมีกลไกในการปกป้องตัวเองอยู่ซึ่งนั้นเองที่จะทำให้เราทุกคนล้วนแล้วแต่ ไม่ค่อยอยากจะยอมรับความผิดพลาดของตัวเองที่ทำผ่านมาสักเท่าไหร่นักและนั้นเองที่ทำให้หลายหลายคนที่ไม่รู้จักยอมรับในสิ่งที่พลาดไป ก็ยอมไม่รู้จักปรับตัวให้ทำสิ่งเหล่านั้นให้ดีหรือถูกต้อง ดังนั้นเราควรอย่างยิ่งเลยที่จะต้องสอนให้เด็กๆของเรารู้จักยอมรับในสิ่งที่ทำและรู้จักที่ะจัดการกับผลที่ตามมาด้วย นั้นก็คือการฝึกให้เค้ามีความรับผิดชอบและรู้จักการแก้ไขตัวเองนั้นแหละ ซึ่งถ้าเราไม่ได้สอนเลยบางคนไม่สามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้นั้นเอง

ไม่เป็นไรที่จะหันไปหาพ่อแม่หรือคนอื่นๆเพื่อความสบายใจและขอคำแนะนำ
ต้องบอกว่าการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่คาดหวังว่าลูกๆจะสามารถทำได้ด้วยตนเอง ซึ่งนั้นทำให้บางครอบครัวสอนให้ลูกๆของเค้าแก้ไขปัญหาหรือสิ่งต่าง ๆที่เค้ามาเพียงลำพังจนบางครั้ง เด็กๆอาจจะลืมไปแล้วว่าอันที่จริงและเรายังมีคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเราเองนี้แหละที่ค่อยช่วยเหลือเราอยู่ด้วย บางคนจึงมองข้ามความช่วยเหลือดีดีเหล่านี้ไปเพียงเพราะคาดหวังว่าตัวเองจะต้องแก้ไขสิ่งเหล่านั้นเพียงคนเดียว แต่อันที่จริงแล้วปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามานั้นมีทั้งเล็กและใหญ่ซึ่งการฝึกฝนในการแก้ไขปัญหาที่เราอยากจะให้เพื่อนเพื่อนลองไปสอนนั้นก็คือ ฝึกให้เด็กรู้จักคิดและวางแผนในการแก้ไขสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง และที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือฝึกให้เค้าบอกเรื่องราวเหล่านั้นกับเราหรือคนอื่นๆก่อนหรือหลังที่ได้ลองแก้ไขเพื่อเป็นการรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นด้วยนั้นเอง การที่ทำแบบนี้ก็จะทำให้เค้าได้ทั้งคิดหาทางแก้ปัญหา และยังให้เค้ารู้จักรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ อีกด้วยนั้นเอง

เราต้องให้เค้ารู้ว่าเรื่องส่วนตัวบางเรื่องก็ไม่ควรพูดกับเพื่อนถึงแม้ว่าจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่มักจะมีเพื่อนสนิท และเมื่อบอกว่าสนิทนั้นก็ทำให้เค้าเอาเรื่องราวต่าง ๆ มากมายไปบอกกล่าวให้เพื่อนสนิทฟังแต่อันที่จริงแล้วบางครั้งเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องภายในครอบครัวบางเรื่องก็ไม่ควรจะบอกให้คนอื่นๆ ทราบเพราะนั้นคือเรื่องส่วนตัวนั้นเอง

การทำงานบ้านเป็นเรื่องที่ใครๆก็ต้องทำเป็น
หลายคนแบ่งการทำงานนอกบ้านและในบ้านเป็นหน้าที่ของแต่ละคนชัดเจนทำให้บางครั้งเด็กผู้ชายแทบจะไม่เคยล้างจานหรือช่วยทำความสะอาดบ้านเลย แต่อันที่จริงแล้วเราอยากจะบอกว่าหน้าที่หรือสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มันเป็นสิ่งที่เราทุกคนต่างต้องช่วยกันทำ เพราะตอนนี้ใครๆก็ต้องทำงานนอกบ้านกันแล้วถ้าหากว่างานในบ้านยังคงเป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งอีกละก็มันก็อาจจะดูหนักเกินไปหน่อย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เราจะสอนให้ทุกคนสามารถเข้าใจและสามารถทำงานบ้านได้อย่างดีและเป็นระเบียบนั้นเอง

การรับมือกับอารมณ์โกรธก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราจำเป็นต้องฝึกฝน
ไม่แปลกใจเลยถ้าเราจะมีความโกรธเกิดขึ้นเมื่อได้เจอเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่ไม่เป็นดังที่เราหวังไว้ แต่มีบางคนเท่านั้นที่สามารถบริหารจัดการความรู้สึกในช่วงเวลานั้นได้โดยที่ไม่ทำให้คนรอบข้างได้รับผลกระทบไปด้วยนั้นเอง นั้นเพราะในยามที่มีความโกรธนั้นเราขาดการควบคุมและการตัดสินใจอย่างรอบครอบไปนั้นเอง และคนที่อยู่ใกล้ตัวเรานั้นแหละที่จะกลายเป็นเป้าหมายของเรา ซึ่งแน่นอนว่าเราต่างรู้กันดีว่าไม่มีใครตั้งใจอยากที่จะให้คนรอบข้างกลายเป็นคนต้องมารับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นทางที่ดีคือเราเองต่างๆหากที่จะต้องฝึกตัวเองและสอนให้กับเหล่าเด็กๆของเราให้รู้จักถึงการจัดการกับความรู้สึกในยามที่เรากำลังโกรธอยู่นั้นเอง เช่น เราสามารถระบายความรู้สึกออกมาด้วยการทำเรื่องราวหรือกิจกรรมบางอย่างที่ชอบอย่างการฟังเพลงหรือดูวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม หรือบางคนอาจจะทานอาหารอร่อยๆสักมื้อรวมไปถึงการฝึกการหายใจเข้าออกช้าก็ช่วยบรรเทาความรู้สึกโกรธลงได้ แล้วหลังจากนั้นค่อยๆจัดการกับปัญหาหรือเรื่องราวเหล่านั้น

อันที่จริงแล้วเราอยากจะบอกว่าเรื่องราวเหล่านี้นั้นมันเป็นเรื่องใกล้ต้วเรามากมากจนบางครั้งเราอาจจะมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปนั้นเองลองหันมาใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้แล้วมันจะช่วยให้การเติบโตของลูกๆของเรานั้นมีทั้งความสุขในแบบที่เค้าควรจะเป็นนั้นเอง
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ

Back To Top