เรื่องราวและคำพูดจากลูกๆที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจสุดๆ
ถ้าจะถามถึงช่วงเวลาดีดีของเหล่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่แล้วละก็ พ่อแม่หลายหลายคนน่าจะคิดถึงสิ่งเดียวกันนั้นก็คือความรู้สึกภาคภูมิใจ ในความสำเร็จที่เหล่าบรรดาลูกๆของตนเองนั้นได้ทำหรือได้แสดงความสามารถออกมานั้นเอง และที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าการที่เราดูแลใครสักคนอย่างเต็มที่โดยให้ในสิ่งที่เราต่างคิดว่าดีและจำเป็นกับเค้าเหล่านั้น และเมื่อพวกลูกๆของพวกเค้าเติบโตและสามารถแสดงให้เห็นถึงความพยายามเหล่านั้นได้ก็ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่จะลูกสึกยินดีกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า และอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้เหล่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่ ต้องยิ้มอย่างภาคภูมิใจนั้นก็คือความน่ารักที่เหล่าบรรดาเด็กน้องแสดงออกมาด้วยความใสซื่อไรเเดียงสาแต่มันกลับแฝงไว้ด้วยความจริงใจอย่างมากที่เราไม่อาจจะหาสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายนักในกลุ่มคนที่เติบโตแล้วนั้นเอง มาลองดูกันเลยดีกว่าว่ามีเรื่องไหนบ้างที่จะทำให้เพื่อนเพื่อนต้องยิ้มตามด้วยความน่ารักกันบ้าง มาจากไหนก็ไม่สำคัญ บางครั้งเราก็คิดว่าเด็กๆอาจจะโตมากกว่าที่เราคิดก็ได้ เพราะเมื่อตอนที่ลูกสาวของเราเพิ่งเข้าเรียนชั้น ป.1 ในวันแรกหลังจากที่เธอกลับมาจากการเรียน พวกเราก็คุยกันตามปกติและเราก็ถามเธอเกี่ยวกับเหล่าบรรดาเพื่อนใหม่ โดยเราถามว่าเพื่อนใหม่ของหนูมาจากที่ไหนกันบ้าง ซึ่งเราคิดว่าเธอจะแค่อธิบายและพูดถึงเด็กคนอื่นๆ เท่าที่เธอจำได้แต่กลายเป็นว่าคำตอบของเธอทำให้เราอึ้งไปเล็กน้อยเพราะเธอตอบเราว่า “แม่คะไม่ว่าเพื่อนของหนูจะมาจากที่ไหน พวกเราก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้นะคะ” ฟังแล้วมันก็ใช่อะนะแต่อันที่จริงเราแค่อยากรู้ว่าแต่ละคนมาจากไหนและใครอยู่แถวบ้านเราบ้างเท่านั้นเอง แต่มันก็ทำให้เราได้รู้ว่าลูกเราไม่เด็กอย่างที่คิดซะแล้ว ฉลาดพูดมากลูก การตอบคำถามน่าจะเป็นเรื่องปกติที่เราเจอกัน แต่ใครจะคิดว่าเราจะได้ยินคำตอบดีดีจากเด็กอายุแค่5 ขวบกันบ้างละ และวันนั้นวันที่เรานั่งอยู่กับลูกชาย(อายุเกือบ 5 ขวบ) และในห้องก็มีเด็กอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาและถามพวกเขาว่า: คุณผู้ชาย: “แม่ใครน่ารักกว่ากัน?” เด็กอีกคนตอบทันทีว่า แม่หนู (ซึ่งก็ปกติที่ลูกๆจะบอกแบบนั้นส่วนลูกชายของฉันมองหน้าเขาและพูดกับเขาว่า) ลูกเรา : “ผมคิดว่าคุณแม่ทุกคนก็สวยไม่แพ้กัน” สุภาพบุรุษทท่านนั้นยิ้มเล็กก่อนจะเดินออกไป และฉันก็แอบรู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายมาก พลังแห่งความรัก บางครั้งความรู้สึกดีดีก็มาในจังหวะที่เราคาดไม่ถึง อย่างตอนที่เราและลูกคนโตที่อายุได้ 4 ขวบ กำลังนั่งดูการ์ตูนกันอย่างสนุกสนานซึ่งในเนื้อเรื่องตัวละครได้พบของวิเศษและสามารถขอพรได้ 3 ข้อและหลังจากดูจบเราก็ถามกับลูกเล่นๆ ว่าถ้าลูกได้พรวิเศษลูกจะขออะไรบ้าง และคำตอบที่ได้ก็ทำให้เรากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวเพราะเค้าบอกว่าเรา ข้อแรกขอให้น้องสาวเดินได้เหมือนเธอ ข้อสองขอให้น้องสาวพูดได้เร็ว และข้อสุดท้ายขอให้น้องสาวของเธอมีความสุดเหมือนอย่างที่เธอมี เราได้แต่กอดเค้าและแอบเช็ดน้ำตา เพราะอันที่จริงแล้วลูกคนเล็กของเราป่วยและมีพัฒนาการที่ช้ามากและคำตอบเหล่านั้นก็ทำให้เรารู้ว่าลูกคนโตของเราก็รักและห่วงใยน้องมากมากเช่นเดียวกัน…