พวกเราหลีดเลี่ยงการพบปะผู้คนไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะในทุกวันนี้การติดต่อสื่อสารก็คือหัวใจหลักของการทำงานเลยก็ว่า เนื่องจากงานไหนไหนก็ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองคนเดียว หรือหากว่ามีอย่างน้อยคุณก็ต้องพบปะกับลูกค้าหรือเพื่อนในวงการของคุณบ้างนั้นเอง แต่เพื่อนเพื่อนทราบกันไหมละว่าจากการสำรวจและเก็บข้อมูลพวกเราได้พบกับเรื่องที่ต้องประหลาดใจนั้นก็คือ เราพบกว่าในวัยผู้ใหญ่ประมาณ 60% หรือกลุ่มคนวัยทำงานขึ้นไปนั้นหากมีการตั้งวงสนทนากันแล้วในเวลาไม่เกิน 10 นาทีจะต้องมีคำโกหกอย่างน้อยหนึ่งครั้งออกมาจากใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องเล่นๆ หรืออาจจะเป็นแค่เรื่องขำขำเท่านั้นก็เป็นไปได้แต่เราบอกได้เลยว่าในเรื่องที่จริงจังกันอยู่พวกเค้าก็ยังปล่อยคำโกหกหรือเรื่องราวที่ไม่ตรงไปตรงมาออกมาด้วยเช่นเดียวกัน
วันนี้พวกเราก็เลยอยากจะเอาเคล็ดลับบางอย่างมาบอกเพื่อนเพื่อนเอาไว้เพื่อให้คุณได้จับสังเกตุคนอื่นๆ หรือคู่สนทนาดูสิว่าเค้าเหล่านั้นกำลังพูดในสิ่งที่ตรงไปตรงมาหรือพยายามบิดเบือนเรื่องราวที่บอกเรากันแน่นะ
ลองสังเกตุจากท่าทางประกอบการพูดของเค้าเพราะถ้าพวกเขาแสดงออกด้วยท่าทางมากเกินอย่างการที่มือทั้งสองข้างโบกหรือไม่สามารถอยู่นิ่งๆได้ตลอดการสนทนา
ก็มีโอกาสที่เค้ากำลังบิดเบือนหรือสร้างเรื่องราวให้คุณเชื่ออยู่ เพราะ“ความคิดของคุณกำลังต้องทำงานและคิดถึงสิ่งต่างๆ มากเกินความจำเป็นเพราะคือการสร้างเรื่องราว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมร่างกายส่วนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างจากสมองนั้นเอง ดังนั้นมือและเท้าของคนเหล่านั้นก็จะแสดงอาการอยู่ไม่นิ่งนั้นเอง
ถ้าเพื่อนของคุณแสดงลักษณะไม่พูดเลยหรือพูดมากเกินไป
การที่ใครสักคนจะนิ่งเงียบตลอดการสนทนา หรือมีท่าทางการพูดที่แสดงออกมามากเกินไปนั้นเป็นได้ที่พวกเค้ากำลังซ่อนบางสิ่งบางอย่างจากคู่สนทนาหรือจากพวกเราอยู่นั้นเองดังนั้นหากใครที่แสดงท่าทางและพูดเกินความจำเป็นก็นั้นแหละที่น่าจะสงสัยไว้ก่อน
พวกเขามีแนวโน้มที่จะชี้นิ้วมาก
“เมื่อคนโกหกกลายเป็นศัตรู พวกเขาจะพยายามพลิกสถานการณ์” พวกเขาพยายามทำให้คุณผิดและมุ่งเน้นไปที่การขาดความไว้วางใจของคุณ ซึ่งคนโกหกสามารถคุกคามคุณเกี่ยวกับการไม่เชื่อพวกเขา
อย่างที่บอกไปแล้วว่าร่างกายที่อยู่ไกลสมองนั้นจะควบคุมได้ยากดังนั้นหากพวกเขายืนและมักจะสับเปลี่ยนเท้า
นั้นก็เป็นไปได้ที่พวกเค้าพยายามปกปิดเรื่องราวบางอย่างอยู่นั้นเอง ซึ่งการแสดงออกก็จะมีอย่างเช่น ชยับขาหรือเขย่าขาไปมานั้นเอง
สำหรับการตอบคำถามง่ายๆ บางครั้งพวกเขาก็มักจะใช้เวลาที่มากเกินไป
ลองคิดคำถามง่ายๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่กำลังคุยกันอยู่แล้ว “ถ้าเพื่อนของคุณมีท่าทางรีรอและคิดนานกว่า 5 วินาทีเพื่อตอบคำถามนั้น นั่นเป็นสัญญาณที่ดีทีเดียวของการหลอกลวง” ผู้เชี่ยวชาญกล่าว คนโกหกมักเก็บซ่อนอารมณ์ ทั้งนี้เราควรให้ความสนใจว่าคำพูดที่ช้านั้นเป็นเพราะคนๆ นั้นเหนื่อยหรือเป็นเพียงวิธีการพูดที่ช้าตามปกติของพวกเขา ไม่ว่าในกรณีใด อย่าพึ่งตัดสินพวกเขาว่าโกหกจากความล่าช้าในทันที
หากเพื่อนของคุณพยายามยกเรื่องราวอื่นๆที่อาจจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาระหว่างการตอบคำถามนั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังใช้กลวิธีเบี่ยงเบนความสนใจ
การใช้ประโยคที่ไม่เข้าท่าที่จะทำให้คุณสับสน ตอบไม่ตรงคำถาม:อย่างเช่น “ทำไมฉันถึงทำอย่างนั้น? ฉันเป็นคนซื่อสัตย์”
ลองสังเกตุริมฝีปากด้านซ้าย
เพราะเมื่อเราต้องใช้สมองด้านขวาเพื่อจินตนาการเรื่องราวหรือแต่งคำลวงต่าง ๆ มันก็จะส่งผลถึงร่างกายด้านตรงข้ามนั้นเอง
พวกเขาใช้คำที่สื่อถึงอารมณ์ด้านลบ
เพราะคนที่กำลังบิดเบือนเรื่องราวต่าง ๆ นั้นมักจะใช้คำพูดเชิงลบมากกว่าคำพูดทั่วไปอาจจะเพราะจะทำให้เราเห็นใจหรือสงสารเพื่อเปิดใจของเราให้หลงเชื่อก็เป็นได้ ซึ่งคุณน่าจะได้ยินคำที่มีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์เชิงลบมากขึ้น เช่น เศร้า เกลียดชัง หรือไร้ค่า
ลองเอาไปสังเกตุดูแล้วบอกเราหน่อยนะว่าเพื่อนเพื่อนสามารถหลีกเลี่ยงจากเรื่องราวไม่จริงที่คนรอบข้างพยายามสร้างขึ้นมาได้มากน้อยขนาดไหน
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ