แน่นอนว่าการอยู่รวมกันเพื่อทำให้ทุกคนสามารถเดินอยู่ในทางหรืออยู่กันได้อย่างสบายใจนั้นมันจะต้องมีสิ่งที่เรียกว่าระเบียบหรืออาจจะเรียกว่าเป็นข้อตกลงเพื่อที่จะทำฝห้ทุกคนและทุกฝ่ายอยู่กันได้นั้นเอง แต่เจ้าระเบียบหรือกฎบางอย่างที่มันอยู่มาเนินนานแล้วแต่พวกเราหลายคนก็ยังทำตามดดยไม่ได้สนใจอะไรมันก็อาจจะสร้างความสงสัยให้กับคนอื่นๆ อีกหลายหลายคนที่ไม่เข้าใจที่มาที่ไปก็ได้ และวันนี้พวกเราก็เลยอยากจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับระเบียบบางอย่างในญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่หลายคนฝันอยากจะไปอยู่เลย และยังเป็นที่ที่มีความประหลาดใจที่ไม่เคยหยุดสร้างความประหลาดใจให้กับชาวต่างชาติอย่างเราเรา แม้แต่ปีการศึกษาในดินแดนอาทิตย์อุทัยก็เริ่มต้นขึ้น ไม่ใช่ในเดือนสิงหาคม แต่เป็นเดือนเมษายน และสิ้นสุดในเดือนมีนาคม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่น่าสนใจของระบบการศึกษาของญี่ปุ่น
วันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระก็เอาเรื่องราวที่น่าสนใจมาให้เพื่อนเพื่อนได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวิตของเด็กนักเรียนญี่ปุ่น และในโบนัสตอนท้ายจะแสดงให้คุณเห็นว่ามีกฎของโรงเรียนที่น่าสงสัยบางอย่างในญี่ปุ่นมันเป็นอย่างไร
ข้อแรกเอาแบบทั่วไปกันก่อนนั้นคือเด็กตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ในโรงเรียนประถมศึกษาในญี่ปุ่น จะมีการสับเปลี่ยนชั้นเรียนทุกปีและครูจะเปลี่ยนห้องเพื่อให้นักเรียนมีโอกาสพบปะเพื่อนคนใหม่ๆและเวลา 6 ปีแล้วที่เด็กนักเรียนใช้กระเป๋านักเรียนแบบเดียวกันที่เรียกว่า “รันโดเซรุ” ในบางโรงเรียนเด็กผู้หญิงจะติดโบว์สีแดง ในขณะที่เด็กผู้ชายสวมชุดสีดำ ซึ่งกฎสีของชุดนั้นไม่เหมือนกันแล้วแต่ที่ อีกทั้งนักเรียนชั้นประถมหลายคนสวมหมวกสีเหลืองเพื่อให้คนรอบข้างสามารถสังเกตเห็นได้จากระยะไกลเพราะแต่ละคนจะต้องเดินทางไปโรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆบ้านด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีผู้ปกครองไปส่งอีกด้วย ซึ่งจะมีคุณครูมายืนตามจุดต่าง ๆ เพื่อนค่อยดูแลเด็กๆเป็นไงละการฝึกให้รู้จักดูแลตัวเองตั้งแต่เล็กเลย
© Sergio Yoneda / Shutterstock.com
ในบางโรงเรียน นักเรียนจะมีหน้าที่ดูแลความสะอาดของโรงเรียน หลังจากเลิกเรียน แต่ละชั้นเรียนจะทำความสะอาดห้องเรียนของตนเอง และเด็กพิเศษที่ปฏิบัติหน้าที่จะล้างห้องน้ำและทำความสะอาดสนามเด็กเล่น และเมื่อได้เวลาเข้าเรียน เด็กๆ จะเปลี่ยนรองเท้าที่ใช้เดินทางไปไว้ในล็อกเกอร์และสวมอุวาบากิ ซึ่งเป็นรองเท้าแตะสีขาวแบบพิเศษที่ทุกคนใส่โดยไม่คำนึงถึงตวามแตกต่างทางฐานะ
© milatas / Shutterstock.com
หลังจากขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เด็กนักเรียนจะย้ายไปเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาซึ่งมีระยะเวลา 3 ปี ในขั้นตอนนี้เด็กนักเรียนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เริ่มสวมเครื่องแบบบังคับ
เด็กนักเรียนหญิงญี่ปุ่นบางคนไม่สามารถสวมกางเกงรัดรูปได้แม้ในฤดูหนาว เนื่องจากโรงเรียนบางแห่งกำหนดให้เด็กผู้หญิงสวมกระโปรงโดยสวมถุงเท้ายาวถึงเข่าเท่านั้น เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งบ่นเกี่ยวกับกฎที่ไม่ยุติธรรมนี้ต่อฝ่ายบริหารของโรงเรียนและได้ยินคำตอบว่าพวกเขาปฏิบัติต่อความคิดเห็นของเธอด้วยความเคารพ แต่เธอกำลังจะจบการศึกษาในเร็วๆ นี้ และสิ่งที่เธอต้องทำคือทนกับกฎนี้ไปอีกสักหน่อย
© Depositphotos.com
โรงเรียนในญี่ปุ่นมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับชุดและการแต่งตัวของนักเรียน โรงเรียนส่วนใหญ่ห้ามไม่ให้เด็กผู้ชายโกนขนขมับ มีเพียงครูเท่านั้นที่สามารถตัดผมแบบนี้ในโรงเรียนได้
โรงเรียนหลายแห่งห้ามเด็กผู้หญิงแต่งหน้า โรงเรียนบางแห่งมีขวดน้ำไมเซล่าในแต่ละห้องเรียน ถ้าครูเห็นผู้หญิงแต่งหน้า พวกเขาจะให้เธอลบทุกอย่างออกจากใบหน้า
เกือบครึ่งของโรงเรียนกำหนดให้เด็กผู้หญิงไว้ผมตรงสีดำ หากผมของเธอไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เธอจะต้องพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ย้อมผมหรือม้วนผม ในการทำเช่นนั้น เธอจะต้องแสดง “ใบรับรองผมจริง” ที่ลงนามโดยพ่อแม่ของเธอและรูปถ่ายในวัยเด็กของเธอ
© milatas
ตารางเรียนของนักเรียนมัธยมปลายทั่วไปมีทั้งวิชาบังคับและวิชาเลือก ส่วนที่จำเป็นรวมถึงหลักสูตรคหกรรมศาสตร์ระยะยาวหนึ่งปีซึ่งเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับชีวิตครอบครัว เด็กนักเรียนเรียนรู้ที่จะทำอาหาร เก็บงบประมาณ และอภิปรายเกี่ยวกับความสำคัญของครอบครัว
วิชาเลือกบางครั้งรวมถึงการตกปลาและการเกษตร
นอกเหนือจากการเรียนวิชาบังคับแล้ว นักเรียนมัธยมปลายเกือบครึ่งเรียนหลักสูตรเตรียมความพร้อมเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย
© Depositphotos.com
โรงเรียนเกือบทุกแห่งจะจัดให้มีการพูดหน้าเสาธงในตอนเช้าของทุกโรงเรียนในทุกเดือน ซึ่งครูใหญ่จะเป็นผู้บรรยายหลักของทุกครั้ง ก่อนหน้านี้ นักเรียนยืนฟังการปราศรัยปราศรัย แต่ตอนนี้พวกเขานั่งบนพื้นในตำแหน่งที่กำหนด ครูชาวญี่ปุ่นบางคนไม่เพียงประเมินความรู้ในวิชาเท่านั้น แต่ยังติดตามว่านักเรียนจดบันทึกได้ดีเพียงใดและเหมาะสมเพียงใด สิ่งที่ยากคือนักเรียนต้องจดข้อมูลตามที่ครูบรรยายแบบคำต่อคำ และโดยปกติครูจะไม่รอผู้ที่จดข้อมูลไม่ทันดังนั้นทุกคนจึงต้องตั้งใจกันสุดๆเลย
โบนัส: ปัญหาอาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากยางลบ
© psyche2nakano / ทวิตเตอร์
“ฉันซื้อยางลบให้ลูกสาวที่ร้านเครื่องเขียน แต่เธอถูกห้ามไม่ให้ใช้ที่โรงเรียนญี่ปุ่นเพราะมันรูปแบบที่ไม่ได้มาตราฐาน” ซึ่งที่กำหนดแบบนี้เพื่อให้นักเรียนทุกคนไม่รู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกันนั้นเอง
แล้วระเบียบใดในระบบการศึกษาของญี่ปุ่นที่คุณคิดว่าเราสามารถนำมาใช้ได้?ลองบอกเราหน่อยสิ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ