สิ่งที่เราทุกคนต้องเผชิญเมื่อเราต้องเกิดมากันแล้วนั้นก็คือการที่เราจะต้องเจ็บหรือป่วยในสักวันหนึ่ง และเราก็ไม่อยากให้เพื่อนเพื่อนของเราต้องเผชิญกับเรื่องเหล่านี้บ่อยนักดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้ละก็เราขอให้เพื่อนเพื่อนลองขยับลุกขึ้นมาออกกำลังบ้างสักหน่อย และดูแลตัวมากขึ้นอีกสักนิดอย่างการเลือกทานอาหารที่ดีต่อตัวเองบ้างและที่สำคัญและยังทำได้ง่ายง่ายอีกด้วยนั้นก็คือการดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย ๆ ก็สักวันละ 5 – 6 แก้วเพราะน้ำเปล่านี้แหละที่จะค่อยช่วยให้ร่างกายของเราปรับสมดุลย์และยังช่วยระบายทั้งความร้อนภายในหรืออีกหลายหลายอย่างจากร่างกายให้ออกมากับน้ำที่เราดื่มเข้าไปด้วย แต่ถ้าหากเราไม่สามารถหลีกเหลี่ยงเรื่องการเจ็บหรือป่วยได้แล้วละก็พวกเราก็ยังอยากให้เพื่อนเพื่อนดูแลจิตใจของตัวเองให้ดีดี จำไว้ว่าจิตเป็นนายกายเป็นบ่าวถึงแม้ว่าเราจะเหลี่ยงร่างกายที่เสื่อมสลายไม่ได้แต่เราก็มีจิตใจที่ดีมี่สดใสได้ และด้วยจิตใจที่ดีเหล่านี่นี้เองที่จะพาเราให้ผ่านเรื่องที่เราไม่ชอบและไม่อยากเจอไปได้
และวันนี้เราก็มีเรื่องเล่าสั้นๆจากเพื่อนของเราที่ได้เจอมาตอนที่ต้องเข้าไปให้เหล่าหมอช่วยดูแลนั้นเองซึ่งเพื่อนเพื่อนของเราเหล่านี้ก็ช่างน่ารักและมีกำลังใจเหลือล้นเลยก็ว่าได้
เรื่องทั้งวันยังไหว
หลังจากที่น้องของเราต้องเข้ารับการรักษาเป็นเวลานานหลายชั่วโมงซึ่งพวกเราเลือกใช้แค่การทำให้ร่างกายชาบางส่วน ซึ่งนั้นก็คือขาข้างซ้ายเท่านั้น แต่ครอบครัวของเราก็ลุ้นไปกับช่วงเวลาหลายชั่วโมงที่ผ่านไปอย่างช้าๆ พอน้องของเรามาถึงก็น่าจะสังเกตุเห็นว่าทุกคนยังทำหน้าเป็นห่วงอยู่ เธอเลยบอกดังๆว่า “3ชั่วโมงมันเร็วกว่าที่คิดแต่มันเหมือนไปนอนเล่นอาบแดดเลยนะถ้าแค่นี้ละก็ ทั้งวันยังไหวเลย (ซึ่งเป็นคำพูดของ สตีฟโรเจอร์ส จากหนังเรื่องกัปตันoเมริกา ที่เธอชอบมากมาก)” เท่านั้นแหละทุกคนก็ยิ้มและหัวเราะออกมาเลย บรรยากาศเปลี่ยนไปจนเราลืมไปเลยว่าน้องของเราเพิ่งออกมาจากห้องรักษา
เรื่องความหล่อช่วยได้
ตอนที่เพื่อนของเราต้องไปตรวจทางนรีเวช เธอกังวลและไม่กล้าที่จะไปคนเดียวเลยแต่ทันที่ที่เข้าไปในห้องและออกมาหลังจากรับคำปรึกษาแล้ว เราสังเกตุเห็นว่าใบหน้าของเพื่อนเรากลับยิ้มแย้มต่างจากตอนที่เดินเข้าไปอย่างมาก เราเห็นแบบนั้นก็เลยพูดไปว่าเห็นไหมฉันบอกแกแล้วว่าไม่มีอะไรน่าห่วงเชื่อยังละ (แต่เพื่อนของเรากลับตอบมาทำให้เราอึ่งไปเลยว่า) “จริงแกเพราะหมอที่เป็นที่ปรึกษาฉันหล่อมากก” เท่านั้นแหละทุกอย่างก็เปลี่ยนการไปตรวจกลายเป็นสิ่งที่เพื่อนของเรารอค่อยเพื่อที่จะได้ไปพบหมอหล่อ ๆ คนนั้น
เรื่องหมดกันฝันดี
หลังจากที่เราเพิ่งฟื้นขึ้นจากการเข้าห้องรักษาด้วยฤิทธิ์ของการรักษาทำให้เรายังมึนๆ และเบลอๆเล็กน้อย และทันที่ที่เราลืมตาขึ้นก็เห็นชายหนุ่มน่าตาดีใช่ได้เลยละ กำลังยืนอยู่ข้างเตียงเรา ด้วยความมึนเราก็เลยบอกไปว่า “ที่รักมากอดให้กำลังใจหน่อยสิ” แล้วเราก็ได้ยินเสียงกระแอมจากอีกข้างหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับประโยคที่ว่า “ผมอยู่ทางนี้นะ คนนั้นคือบุรุษพยาบาลต่างหาก” หมดกันฝันดีของวันนี้
เรื่องนางฟ้าของผม
ระหว่างที่เรากำลังเล่นฟุตบอลอยู่บังเอิญวันนั้นเราไม่ได้ทานอาหานแค่นมหนึ่งกล่องตั้งแต่ตอนเที่ยงเพราะติดงานและพอมาถึงสนามก็ต้องลงเล่นเลยทำให้เราเป็นลมไป และพอตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เรามองเห็นก็คือสาวสวยในชุดขาวสองคนกำลังอยู่ใกล้ๆตัวเรา จนเราเผลออุทานออกไปว่า “ผมอยู่บนสวรรค์และคุณคือนางฟ้าใช่ไหม” และทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกอะไรกระทบหัวเบา ๆ พร้อมกับประโยคที่ว่า “เดี่ยวเอ็งได้ไปแน่แต่อาจะไม่ใช่สวรรค์นะ” (และนั้นคือเสียงภรรยาของผมเอง ..ลืมไปเลยว่าเธอก็ไปที่สนามบาลด้วย)
เรื่องครั้งแรก
เราสังเกตุว่าที่ขาของเรามีเหมือนเม็ดแดง ๆ เล็กขึ้นเป็นวงเลยไปหาเพื่อนที่เป็นหมอ(ชื่อว่าเอ) พอบอกลักษณะและเปิดขาให้ดู เพื่อนของเราก็เดินเปิดคอมก่อนจะพูดชื่ออะไรสักอย่างออกมาซึ่งมันฟังยากมากเราเลยบอกเพื่อนไปว่า นี้เป็นครั้งแรกเลยนะที่เราได้ยินชื่อแบบนี้ พูดจบเท่านั้นแหละเพื่อนของเราก็ตอบกลับมาว่าทำให้เราไปต่อไม่ถูกเลยว่า “เหมือนกันเลยนี้เอก็เพิ่งเคยเจอนี้แหละดีนะที่เดี่ยวนี้ค้นหาข้อมูลกันได้ง่ายๆ ” (แล้วนี่เราจะเชื่อถือเพื่อนของเราได้ไหมเนี้ยหรือเราควรไปหาหมออื่นแทนดี)
เรื่องสบายไปหลายวัน
ครั้งหนึ่งเรากำลังวิ่งเล่นกับน้องที่หลังบ้านแต่เพราะหญ้ามันขึ้นสูงไปหน่อยเราเลยสดุดล้มลงและน้องของเราที่กำลังตามมาก็สะดุดกลิ้งไปจนขาไปกระแทกกับเสาไฟข้าง ๆ ซึ่งนั้นทำให้ขาเคล็ดจนต้องนั่งรถเข็นไปอีกหลายวัน ระหว่างทางกลับบ้านเรารู้สึกสงสารและเสียใจที่ทำให้น้องต้องเป็นแบบนี้แต่น้องของเรากลับบอกว่า “แค่นี้พี่ก็ต้องมาค่อยดูแลผมตลอดเวลาแล้ว สบายไปอีกหลายวันเลย” ผมยิ้มเพราะรู้ว่าน้องพูดให้เราสบายใจช่างเป็นน้องที่น่ารักจริง ๆ
เรื่องรักแท้ไม่ต้องการเวลา
เราเคยคิดว่าความรักคือการเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากันเพราะเรา ได้เห็นเพื่อนเพื่อนรอบรอบตัวเราหลายหลายคนคบหากันตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งก็จะมีเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ทั้งคู่ต้องพบเจอและเรียนรู้กันไปก่อนที่จะแต่งงานสร้างครอบครัว แต่เรื่องราวของเราและสามีของเรานั้นมันช่างแตกต่างจากที่เราคิดเพราะว่า ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันเราก็คุยกันอย่างถูกคอโดยวันที่สามหลังจากที่เราพบกันเขาก็ขอเราแต่งงานซึ่งตอนนั้นเราก็ตกลงทันทีเหมือนกัน และหนึ่งเดือนต่อมาเราก็ได้แต่งงานกัน ในช่วงเดือนแรกหลังแต่งงานก็มีบางครั้งที่เราแอบคิดว่ารักของเราจะเป็นรักแท้และอยู่กันไปได้ตลอดไปหรือเปล่าแต่เราก็อยากจะลองเสี่ยงกับการแต่งงานครั้งนี้เพราะเรารู้สึกรักเขามากมาก ต่อมาอีก 4 เดือนหลังจากนั้นเราเข้ารับการรักษาแบบเร่งด่วน ซึ่งตอนนั้นสามีของเราติดประชุมอยู่ที่ต่างเมือง แต่พอเราฟื้นขึ้นมาเรากลับพบสามีของเรากำลังยืนอยู่ข้างเตียงพูดคุยกับหมออยู่และหลังจากที่สามีเห็นว่าเราตื่นแล้วก็เข้ามากอดเราเบา ๆ พร้อมกับพูดว่าผมขอโทษที่ไม่ได้อยู่ในตอนแรกแต่หลังจากนี้ผมจะอยู่ข้างๆคุณตลอดไป นั้นทำให้เรารับรู้ได้ถึงความรักที่สามีนั้นมีให้เราซึ่งนี้ก็ผ่านมาสิบปีแล้วเขาก็ทำแบบนั้นจริง ๆ เราทั้งคู่อยู่เคียงข้างกันและดูแลกันมาอย่างดีนั้นทำให้เราแน่ใจว่ารักแท้ที่เรามีนั้นไม่ต้องการเวลาเริ่มต้นเพื่อเรียนรู้เพราะเรามีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะอยู่ด้วยกัน
เห็นเพื่อนๆของเราที่มีรอยยิ้มได้ตลอดเวลาแบบนี้ก็ทำให่้เรารู้เลยว่าไม่ว่าเราจะเจอเรื่องราวแบบไหนถ้าเรายังมีจิตใจดีเราก็จะมีความสุขได้ตลอดนั้นเอง
เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ