เปิดเรื่องกันด้วยเนื้อหาของความรู้กันก่อนเลยดีกว่ากับเรื่องของสถิติที่มีการเก็บกันไว้และเรื่องที่เรากำลังพูดก็คือเรื่องของผมนะ เอ้าหลายคนรีบบอกพวกเราชาวสัพเพเหระเลยว่างั้นจะไม่ยุ่งจ้า คุณเพื่อนเราไม่เล่นมุกแบบนี้นะอย่านะอย่าเพิ่งไปเรากำลังจะพูดเรื่องของเส้นผมจ้าถ้าพูดถึงคนผมสั้นที่สุดในโลกก็คงจะไม่ใช่สถิติที่หลายคนอยากเก็บเป็นความรู้เอาเป็นว่าเรามาพูดถึงคนที่ผมสาวที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกกันเลยด็กว่า เพื่อนเพื่อนว่าเค้าหรือเธอจะสามารถมีผมที่ยาวได้ขนาดไหนเรา หนึ่งร้อย หรือยัง ร้อยห้าสิบ เราก็ว่ามันยาวมากมากแล้วนะแต่เจ้าของสถิติตอนนี้ซึ่งเธอเป็นสาวน้อยอายุเพียง 19 ปีผู้มีผมยาวที่สุดที่ได้บันทึกไว้ถึงสองรอบนั้นก็คือ 190 เซนติเมตรเลย (ครั้งแรกเธอทำไว้ที่ 170 เซนติเมตร) และเราคิดว่าอีกสักสองสามปีเธออาจจะได้บันทึกอีกก็ได้นะถ้ายังไม่ได้ตัดผมอะ เข้าเรื่องของเรากันดีกว่ากับเรื่องที่เราอยากจะเล่าให้เพื่อนเพื่อนฟังด้วยเรื่องตลกที่เพื่อนของเราไปเจอเข้าอย่ารอช้าไปอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ
ได้ตามใจ
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนของฉัน เมื่อเธอไปที่ร้านเสริมสวยที่เพิ่งเปิดใหม่และช่างเองก็เพิ่งได้รับรางวัลอะไรมาสักอย่างนี้แหละ ด้วยความที่คาดหวังว่าจะได้ทรงผมที่กำลังเป็นที่นิยมเธอก็เตรียมตัวไปอย่างดีและเริ่มอธิบายให้สไตลิสต์ฟังว่าเธอต้องการตัดผมอะไร นอกจากนี้เธอยังแสดงรูปถ่ายบนสมาร์ตโฟนของเธออีกด้วย สไตลิสต์ฟังเธอเป็นเวลานานด้วยความสนใจและไม่ขัดจังหวะเลย จนเมื่อเพื่อนของเราอธิบายเสร็จ สไตลิสต์ก็พูดสั้นว่า “ที่ร้านของเราคุณสามารถขอทรงผมอะไรก็ได้ แต่สไตลิสต์จะทำสิ่งที่พวกเขาต้องการและคิดว่าเหมาะสม คุณอยากจะลองประสบการณ์แบบนี้บ้างไหมละ” เออร้านแบบนี้ก็มีได้เนอะขอจดเบอร์ร้านว่าร้านตามใจช่างก็แล้วกันนะ
อย่าไปบอกใคร
เทคนิคของช่างตัดผมในการเรียกลูกค้าหรือการดึงดูดใจก็คือการพูดคุยซึ่งเรื่องที่ถูกหยิบยกมาก็คงไม่พ้นกับเรื่องของทรงผมนี้แหละ ครั้งหนึ่งเราไปตัดผมที่ร้านแถวบ้านซึ่งช่างประจำของเราไม่อยู่เราเลยคิดว่าลองเปลี่ยนเป็นช่างคนใหม่ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะครั้งนี้เราตั้งใจจะแค่ซอยผมที่ยาวไม่เป็นระเบียบให้เข้าทรงเท่านั้นเอง แต่หลังจากมานั่งลงและช่างเริ่มชวนเราคุยพร้อมกับดูทรงผมเราแล้วก็พูดขึ้นว่า “คุณลูกค้าตัดผมครั้งล่าสุดที่ไหนมาเนี้ย มันดูไม่เสมอและมีหลายส่วนที่ควรจะทำได้ดีกว่านี้นะ” และอย่างอื่นอีกนอดหน่อยแต่เราก็รอให้เค้าพูดจนจบและตอบกลับไปแต่เพียงว่า “อย่าไปบอกใครนะ ช่างทำผมที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านคือคนที่ตัดให้เราเองแหละ” แล้วหลังจากนั้นเราก็อยู่ในความเงียบสงัดจนทำผมเสร็จและช่างก็รีบเดินเข้าหลังร้านไปเลย
นอนยาว
เช้าวันหยุดที่แสนจะสดใสของหลายหลายคนแต่กับเราแล้วมันก็ไม่เท่าไหร่เพราะเราต้องทำงานตลอดทั้งคืนยังไม่ได้นอนเลย แต่ก็ต้องออกมาข้างนอกเพื่อทำผมเพราะเย็นนี้เรามีงานปารตี้สละโสดกับเพื่อนๆ ยังไงก็ต้องสวยไว้ก่อนจริงไหมละ แต่กลายเป็นว่าวันนั้นทั้งที่เราไปตั้งแต่เช้าและมีเราแค่คนเดียวแต่ก็ทำได้แค่เพียงสระไดณผมเท่านั้น ซึ่งที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าพอเราไปถึงร้านหลังจากสระผมและกำลังนั่งรอช่างที่เก้าอี้ทำผมระหว่างที่ช่างเริ่มเป่าผมให้แห้งเราก็เผลอหลับไปและตื่นมาอีกทีก็บ่ายโมงแล้ว ซึ่งช่างทำผมบอกเราว่าลองเรียกเบาๆแล้วแต่เราไม่แม้แต่จะส่งเสียงตอบ พี่เค้าก็เลยปล่อยให้เรานอนต่อไปและคิดว่าเราจะตื่นขึ้นมาเองซึ่งกว่าเราจะตื่นขึ้นมาก็ร่วมสองชั่วโมงซึ่งเราเขินมากที่ต้องมานอนต่อหน้าคนที่ไม่สนิทแบบนี้ยังดีนะวันนั้นไม่มีใครเข้ามาทำผมต่อเราเลย
บอกแล้วว่าต้องชอบ
เพื่อนของเราพยายามชวนเราให้ไปทำผมด้วยกันเสมอ ซึ่งปรกติเราก็แค่ตัดให้เข้าทรงที่ร้านไหนก็ได้ และเราไม่เคยเป็นคนที่จะเข้าร้านทำผมแบบจริงจังเลย จนกระทั้งเรายอมไปร้านที่เพื่อนของเราแนะนำว่าเป็นช่างฝีมือดีซึ่งหลังจากนั้นเราก็เริ่มไปที่ร้านทำผมบ่อยขึ้นมากจนเพื่อนของเราเอ๋ยปากบอกกับเราว่า “บอกแล้วว่าเธอต้องชอบมัน” ซึ่งมันก็จริงแต่ที่เราไม่ได้บอกเพื่อนก็คือช่างที่ทำผมให้เรานั้นแหละที่เราชอบไม่ใช่การทำผมหรอก และที่เราไปบ่อยๆก็เพื่อจะได้คุยกับเค้านี้แหละ
ครั้งหน้าถ้าคุณเห็นเด็กวิ่งเล่นอยู่ในร้านทำผม เราแนะนำว่าให้เปลี่ยนวันหรือรอจนกว่าเด็กจะออกไปเพราะนี้คือเหตุผลที่เราบอกแบบนั้น (ขณะช่างกำลังไล่ระดับและเจ้าตัวเล็กก็วิ่งมาโดนช่าง)
ไม่น่าเอามาเอง
ครั้งหน่ึงเพื่อนของเราพยายามจะทำให้การทำสีผมของเธอได้ราคาประหยัดที่สุดเท่าที่ทำได้เธอทำทุกแย่างตั้งแต่เตรียมการจัดหาสีย้อมและสิ่งอื่นๆที่จำเป็น พอไปถึงร้านเธอก็หยิบทุกอย่างออกมาและเริ่มต่อรองเรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งทุกอย่างน่าจะเป็นอย่างที่เธอต้องการแต่ก่อนจะเริ่มลงมือทำสีผม ช่างเรียกเราเข้าไปใกล้และพูดกับพวกเราว่า “ทางร้านของเราไม่สามารถรับรองสีผมที่จะออกมาได้นะและถามให้เพื่อนเรายืนยันอีกครั้งที่จะทำ” ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนเราตกลง ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนจนถึงตอนท้ายสุดพอเปิดออกมากลายเป็นว่าสีผมออกมาไม่ตรงปกเลยและพวกเราก็ออกจากร้านมาด้วยความเงียบ เมื่อถึงรถสิ่งเราได้ยินจากเพื่อนของเราก็คือ “ไม่น่าเอามาเองเลย”
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ