7 เรื่องสั้นๆจากทวิตบอกเล่าสิ่งดีดีจากอีกมุมมองที่เราไม่ทันคิด
ถ้าจะบอกถึงสิ่งที่ทำให้โลกทุกวันนี้พัฒนามาได้อย่างไม่น่าเชื่อก็ต้องบอกเลยว่ามันมีจุดเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆนั่นก็คือเรื่องของการจดบันทึกเรื่องราวหรือ ส่งต่อความรู้จากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งไม่ว่าจะด้วยการถ่ายทอดลงในภาพว่าตัวอักษรหรือแม้แต่การท่องจำก็ตามซึ่งสิ่งเหล่านี้นั่นเองคือการสะสมความรู้และ ถึงเวลาที่ความรู้เหล่านั้นถูก ทดสอบและใช้งานจนในที่สุดจากความรู้ที่สองทอดกันมาก็กลายเป็นผลงานหรือสิ่งประดิษฐ์ที่เราได้ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ นอกเสียจากความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ของคนรุ่นหลังบวกกับการทำงานที่มากขึ้นและอย่างทุ่มเทของคนรุ่นต่อมายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดการ พัฒนานั่นก็คือมุมมองความคิดและไอเดีย ที่แตกต่างกันไปซึ่งเจ้ามุมมองของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันนี่แหละที่ทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอดอย่างไม่หยุดยั้งก็ถ้าหากพวกเราคิดเหมือนเดิมหรือคิดครงกันเสมอมันก็คงจะมีแต่เรื่องเดิมๆหาสิ่งแปลกใหม่ไม่ได้ใช่ไหมละ วันนี้พวกเราก็เลยเอาข้อความสั้นสั้นจากทวิตมาให้เป็นเพื่อนได้ลองห่างกันดูเผื่อเป็นแนวทางในการมองอีกมุมหนึ่งนั่นเอง เพราะคิดไม่เหมือนกันยิ่งต้องคุยกัน เราไม่ค่อยอยากเข้าประชุมงานสักเท่าไหร่นัก เพราะการประชุมส่วนใหญ่ของที่บริษัทเรามักจะเริ่มต้นด้วยหัวข้อที่ต้องการ และลงท้ายด้วยอารมณ์เสียของใครหลายหลายคนเพราะไม่ได้อย่างพี่หวัง แต่หลังจากที่เราบอกพี่หัวหน้างานไปว่าเรารู้สึกยังไงกับการที่เข้าประชุมและสิ่งที่เค้าบอกมาก็ทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่พี่เค้าบอกเรานั้นก็คือ “ที่ต้องประชุมก็เพื่อให้ทุกคนได้รับข้อมูลและพูดคุยปรับความคิดให้ไปด้วยกันได้ยังไงละ” ซึ่งมันก็จริงเพราะถึงแม้บรรยากาศในห้องประชุมมันจะดูไม่ดีนักแต่ทุกคนก็จะออกมาพร้อมกับทำงานที่ได้จากข้อสรุปนั้นอย่างเต็มที่เพื่อเป้าหมายที่วางไว้นั้นเอง แค่ปิดเท่านั้น เพื่อนของเรามีวิธีในการเรียกลูกลูกในบ้านให้มาที่ห้องอาหารเพื่อนทานข้าวแบบพร้อมหน้ากันโดยที่ไม่ต้องพูดหรือบอกอะไรเลยเพียงแค่ทำบางสิ่งบางอย่างเท่านั้นและสิ่งที่เขาทำก็คือ “แค่ปิดสวิตช์ Wi-Fi” และมันได้ผลทุกครั้ง ความสุขอยู่กับเราเสมอ เราสังเกตว่าเวลาที่ลูกลูกของเราเล่นซ่อนแอบกันในบ้านน้องน้อง มักจะหัวเราะและยิ้มอย่างมีความสุขเสมอซึ่งเพราะส่วนใหญ่คนที่ต้องเป็นคนออกค้นหาก็คือเจ้าพี่ชายคนโตและน้องน้องก็จะวิ่งไปแอบอย่างสนุกสนาน ครั้งหนึ่งเราเลยถามเจ้าลูกชายของเราว่าทำไมถึงหาน้องน้องไม่เจอทั้งทั้งที่ในบ้านก็ไม่ได้มีที่ซ่อนมากนะ แต่สิ่งที่เค้าตอบกลับมาก็ทำให้เรารู้ทันทีว่าเค้ารักน้องน้องรักแค่ไหนเพราะเค้าบอกตาว่า “เราแค่แกล้งมองข้ามบางอย่าง ความสุขก็อยู่กับเราได้นานขึ้นแล้ว” ถ้าใจเราเบามื้อหนักๆก็แค่ของว่าง เพื่อนของเราที่เป็นคนชอบทานอาหารมักจะพูดว่าเวลาหิวให้ดื่มชา ไม่ใช่เพราะจะทำให้อิ่มหรอกนะแต่เพราะว่าระหว่างที่คุณดื่มชาแล้วทานอาหารอย่างอื่นไปด้วยมันทำให้มื้อนั้น ดูเหมือนเป็นอาหารว่างเบาเบาเท่านั้นเอง ปิดเพื่อเปิด ทุกครั้งที่เพื่อนชั้นมัธยมของเรานัดทานอาหารกันเราจะมีกติกาอย่างหนึ่งนั้นก็คือ ทุกคนจะต้องปิดเครื่องโทรศัพท์ซึ่งมันทำให้พวกเราได้เปิดบทสนทนาดีดีและได้คุยกันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนเพื่อนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มที่ มีเมื่อพร้อม เราอยากให้คุณได้เห็นสีหน้าของคนที่มักจะถามเราว่าทำไมเราถึงไม่มีลูกเพราะเราจะตอบกลับไปว่า มันไม่แฟร์เลยกับการมีลูกแล้วทำให้เค้าไม่มีความสุข ถ้าทุกวันนี้เรายังต้องทำงานหลายหลายอย่างที่ทั้งหนักและทุกอย่างยังไม่พร้อม มันคงไม่ดีสักเท่าไหร่ที่จะดึงใครสักคนเข้ามาเจอกับเรื่องแบบนั้นด้วย เวลาว่างอยู่ที่ตัวเราสร้าง คำแนะนำจากเพื่อนแม่บ้านลูกสองของเรา เกี่ยวกับการหาเวลาว่างอยู่ที่บ้าน เธอแนะนำว่าหากคุณต้องการอยู่กับตัวเองสัก 30 นาทีละก็ลองบอกแบบนี้กับเด็กเด็กดูซึ่งประโยคนั้นก็คือ “มีใครจะช่วยงานบ้านแม่บ้างนะ” เพราะหลังจากบอกไปเด็กๆจะเริ่มค่อยๆแยกย้ายไปอย่างเงียบๆและคุณก็จะได้เวลาว่างที่คุณต้องการ ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ