ฮาฮา

สำหรับหลายหลายคนแล้วการที่ได้แต่งงานสร้างครอบครัวแสนสุขถือเป็นเรื่องราวและสิ่งที่ฝันไว้ เพื่อนของเราบางคนฝันว่าอยากจะมีลูกชายสักคนไว้วิ่งเล่นและเค้าจะได้พาออกไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ หรือบางคนอาจจะอยากได้มีลูกสาวที่อ่อนหวานน่ารักได้ลองถักเปียกให้กับลูกๆยามที่ไปโรงเรียน บางคนฝันอีกหลายอย่างที่เราเองก็ไม่สามารถจินตนาการได้และเมื่อถึงงเวลาที่พวกเค้าเหล่านั้นได้ลองเลี้ยงดูเหล่าเด็กน้อยทั้งหลายแล้วต่างคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันมีทั้งความสุขสนุกสมหวังและอีกหลายหลายอย่างเกิดขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นก็คือพวกเค้าไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าแต่ละวันเจ้าตัวเล็กจะมีเรื่องราวอะไรมาทำให้วันธรรมดากลายเป็นวันที่แสนสนุกบ้าง วันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระก็เลยลองเอาเรื่องราวต่างๆของครอบครัวหลายหลายครอบครัวที่บอกเล่าถึงความสนุกในแต่ละวันที่พวกเขาได้ประเชิญมาให้เพื่อนเพื่อนได้ลองอ่านกัน เป็นอะไรไหม ตอนที่ลูกสาววัยหัดเดินกำลังวิดีโอคอลกับแม่ของฉัน เมื่อเธอทำมือหล่น เธออ้าปากค้างและเก็บมันขึ้นมาพร้อมถามว่า “คุณยายเป็นอะไรไหมคะ?” ฟังแล้วก็ต้องยิ้มให้กับความน่ารักในความห่วงใยของเด็กน้อยเลย ข้าวผัดหรือก๋วยเตี๋ยวดีละ เช้าวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเมื่อผมต้องรับหน้าที่ไปปลุกเจ้าลูกสาวให้ตื่นเพื่อไปโรงเรียน แต่เค้าคงไม่อยากไปพวกเราเลยมีบทสนทนาน่ารักแบบนี้เกิดขึ้น ลูกสาวผมถามขึ้นมาว่า ทำไมหนูถึงลาออกจากโรงเรียนไม่ได้ ผมเลยตอบว่า มันผิด เดี๋ยวเขาจะมา จับพ่อเข้าตาราง ลูกผมตอบทันทีว่า”ไม่เป็นไรคะพ่อเดี๋ยวหนูจะเป็นคนไปเยี่ยมพ่อเองค่ะ แล้วหนูจะเอาข้าวไปส่งให้ด้วยนะ” เยี่ยมไปเลยลูกเรา พี่ที่ดี เย็นวันหนึ่งเราเข้าไปแอบดูในห้องนั่งเล่นที่ลูกของเรากำลังเล่นอยู่ แล้วก็พบว่าลูกสาววัย 6 ขวบกำลังพูดกับน้องชาย ที่นั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ ของเธอว่า “มันไม่เป็นไรเลยถ้าเราจะเศร้า บางครั้งเราต้องปลดปล่อยตัวเองให้รู้สึกเศร้าบ้าง” เราฟังแล้วก็แปลกใจเพราะไม่คิดว่าเด็กน้อยจะคิดได้เลยเดินเข้าไปชมเค้าสักหน่อย ฉัน: โอ้ ลูกรักลูกช่างน่ารัก หนูทำได้ดีมาก แล้วทำไมเขาถึงร้องไห้? ลูกสาว: หนูไม่ให้เค้าเล่นของที่หนูเลือกเท่านั้นเองแ มันยากหน่อย ลูกวัย 10 ขวบ: แม่คะ อุปมาคืออะไร? แม่: มันคือการเปรียบเทียบนะอย่างเช่น “เมื่อวานฝนตกหนักอย่างกับฟ้ารั่ว” ไงจ้า ลูกวัย 10 ขวบ: เมื่อวานฝนตกหนักหนูรู้แล้ว…

รอบตัวเรายังมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมากมายที่ต้องบอกว่ามันเข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้พวกเราได้อยู่เสมอ เพียงแค่พวกเราเปิดรับข้อมูลเหล่านั้นและไม่มองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นรอบตัวเราพวกเราชาวสัพเพเหระก็เชื่อว่าในแต่ละวันพวกเราเองก็จะได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ใหม่เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อยนั่นเอง วันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระก็เลยอยากจะนำเรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับบันทึกของสัตว์โลกที่หลายคนฟังแล้วก็อาจจะต้องบอกว่าเรื่องราวแบบนี้มันจริงหรือเปล่า เพราะบางเรื่องฟังแล้วมันก็สร้างความประหลาดใจให้กับพวกเราอย่างยิ่งเลย ลองไปฟังเรื่องราวเหล่านั้นกันดูสักหน่อยก็แล้วกัน สำหรับเพื่อนเพื่อนบางคนที่เลี้ยงแมวน้อยเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านก็อาจจะคุ้นเคยกับคำนี้นั้นก็คือ “KITTEN” ซึ่งถ้าแปลกันตรงๆก็หมายถึงลูกแมวนั้นแหละ แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่ใช้คำนี้ในการเรียกอย่างอื่นที่ตัวเล็กๆน่ารักๆแบบนี้ อย่างเช่นกระต่ายเป็นต้น © Imgur ซึ่งเมื่อลองอ่านรายละเอียดดูแล้วก็เข้าใจได้ว่ามันเหมือนคำเปรียบเปรยที่เราใช้กันนั้นเอง ดังนั้นครั้งหน้าที่ได้ยินใครพูดถึง “KITTEN” เราคงต้องดูให้แน่ใจแล้วละว่านั้นคือเจ้าเหมียวหรืออะไรกันแน่ ถ้าคุณต้องหล่นจากที่สูงสักประมาณ 6 ฟุตตั้งแต่ยังเด็กคุณคิดว่าจะเป็นยังไงบ้าง © Imgur แน่นอนว่ามันคงจะต้องเจ็บอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีร่องรอยอะไรบ้างใช่ไหมละ แต่เพื่อนเพื่อนทราบไหมละว่าอันที่จริงแล้วลูกยีราฟที่กำลังจะออกมาดูโลกนั้น จะต้องผ่านช่วงเวลาที่ลุ้นสุดๆแบบนี้เสมอเพราะจากท่าทางของแม่ในตอนที่จะให้เด็กน้อยออกมาดูโลกนั้นเป็นท่ายืนซึ่งทำให้มีระยะห่างความสูงอยู่ที่ประมาณ 2 เมตรหรือ 6 ฟุตจากพื้น และในจังหวะที่คลอดเจ้าลูกยีราฟก็จะออกมาโดยการปล่อยตัวให้ลงสู่พื้นจากความสูงระดับนั้นซึ่งจะเกิดแรงที่ทำให้สายสะดือที่ติดตัวมานั้นหลุดออก และแรงที่ได้รับยังช่วยปลุกการทำงานต่างๆ ของลูกยีราฟอีกด้วยฟังดูแล้วก็ทำให้เราคิดได้เลยว่าตอนเราออกมาดูโลกมันสบายกว่าเยอะเลย หลายคนอาจจะคิดว่าเรารู้เรื่องเกี่ยวกับร่างกายตัวเองและเข้าใจเป็นอย่างดีแต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นกับทุกสิ่งหรอกนะ เพราะอันที่จริงแล้วสิ่งต่าง ๆ ล้วนต้องเกิดจากการฝึกฝนและการเรียนรู้ทั้งจากการมองดูคนรอบตัวหรือจากการสอนของคนใกล้ชิด อย่างเช่นลูกช้างที่เราเห็นนั้นมันอาจจะลุกขึ้นและเดินได้ตั้งแต่วันแรกๆ แต่กับงวงของมันนั้นมันแทบจะไม่รู้เลยว่าจะใช้งานมันยังไง ซึ่งพ่อแม่ช้างจะต้องค่อยอยู่ใกล้และสาธิตการใช้งานให้ดูจึงจะเกิดการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ยังไงละ นกบางชนิดอย่างนกแก้วจะมีชื่อเป็นของตัวเองและมันก็จำได้แม่นซะด้วย คงต้องบอกว่ามันไม่ได้เป็นชื่ออย่างที่เพื่อนเพื่อนคิดหรอกนะ แต่อันที่จริงแล้วเราพบว่าพ่อแม่นกแก้วสร้างสัญญาณต่างๆจากคลื่นเสียงในระดับที่ไม่เท่ากันในการเรียกลูกของมันแต่ละตัว ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นคำอย่างจอห์นหรือเอกแบบที่เราคิด แต่ด้วยเสียงที่นกฟังเข้าใจพวกมันก็จะจดจำและใช้สิ่งนี้ในการเรียกถึงกันยังไงละ เคยได้ยินไหมว่าน้ำนมแม่นั้นเป็นสิ่งมีคุณค่าอย่างมาก ยิ่งทานได้นานยิ่งดีแต่ส่วนใหญ่เราก็จะเห็นว่ามีน้ำนมให้ทานกันไม่เกิน1-2ปี หรือมากหน่อยก็คง 3-4 ปี แต่เพื่อนเพื่อนทราบไหมละว่าอุรังอุตังนั้นสามารถผลิตน้ำนมให้ได้ยาวนานถึง 8 ปีเลยทีเดียว ©…

บางครั้งการได้เจอภาพบางอย่างต่อหน้าต่อตาก็ต้องทำให้เราเกิดคำถามหรือข้อสงสัยตามมามากมายหลายอย่าง เพราะสิ่งที่เราเห็นนั้นมันเกินกว่าที่เราจินตนาการไปถึงความคิดหรือสิ่งที่เค้ากำลังจะทำเหล่านั้นได้นั้นเอง แล้วยิ่งเป็นภาพถ่ายที่มองเห็นเรื่องราวเหล่านั้นเพียงแต่ช่วงเวลาหนึ่งด้วยแล้วละก็มันก็ยิ่งไปกันใหญ่เลยก็ว่าได้ เพราะการได้เห็นภาพเหล่านั้นกลับยิ่งทำให้เราเกิดความสงสัยอย่างมากเลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไปนะ หรือว่าคนเหล่านั้นกำลังคิดหรือทำอะไรกันแน่ และวันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระก็เลยอยากจะลองเอาภาพธรรมดาที่กลายเป็นเรื่องราวที่ไม่ธรรมดาเมื่อเราไม่ได้อยู่มองสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป และนำพาเราเข้าไปสู้โหมดความสงสัยจากใจจริงของเราเลยก็ว่าได้ว่าพวกเค้าเหล่านั้นกำลังทำอะไร และทำสิ่งเหล่านี้ไปทำไมกันนะ เช้านี้ตอนที่เรากำลังออกไปทำงานตามปกติก็พบกับเพื่อนบ้านของเราคนหนึ่งทำสิ่งนี้ เมื่อความสูงของบันไดไม่มากพอและรอไม่ได้ก็ต้องเติมสิ่งที่ขาดด้วยสิ่งที่มีไงละ © Reddit จังหวะการขยับของเธอคนนี้ทำให้เรามองเห็นเหมือนกับว่าเธอกำลังพยายามอธิบายความงามของศิลปะเหล่านี้ให้กับเจ้าเหมียวฟัง ทั้งๆ ที่จริงๆแล้วเธอแค่กำลังเลือกภาพถ่ายเหล่านี้เท่านั้นเอง © Reddit การจัดแสดงสินค้าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเราหลายหลายตัดสินใจเลือกสินค้าที่แสดงอยู่เพราะเห็นในความสวยงาม แต่กับการแสดงสินค้าเหล่านี้มีแต่ความสงสัยว่า “ขาจะยาวไปไหนเนี้ย” © Imgur ใครคือเจ้าของน้องเนี้ยแล้วน้องกำลังต่อรองอาหารเม็ดอยู่ใช่ไหมหรือน้องพยายามปลอมตัวเป็นลูกบอล ©  Reddit เราเคยเห็นว่าพ่อของเราเข้ากับเหล่าน้องหมาน้องแมวได้ดีขนาดไหนแต่กับนกที่เราไม่ได้เลี้ยงพ่อก็ยังสนิทด้วยถึงขนาดที่ว่า คุณนกเปียกฝนมาก็ช่วยเช็ดตัวและเป่าลมให้แห้งด้วย © Reddit ใครว่าความหรูหราอยู่ไกลตัวเราละก็คงต้องมองซะใหม่แล้วละเพราะนี้คือความหรูที่อยู่ใกล้ตัวถึงขนาดอยู่ติดกับเสื้อผ้าของเราเลยเชียว เพราะโคมไฟที่เห็นนั้นทำมาจากไม้แขวนเสื้อยังไงละ © Imgur เมื่อพวกเราไปเล่นโบว์ลิ่งกันในลานโบว์ ซึ่งเราก็กำลังสรุกสนานกันพอสมควรแต่ น้องคนนี้พอเห็นแล้วก็งง ทั้งเล่นโบว์ลิ่งจริง ๆ และพอเป็นเพื่อนคนอื่นๆเล่นเค้าก็เอาแต่เล่นเกมโบว์ลิ่งในเครื่องของเค้า นี้ต้องเรียกว่าโบว์ลิ่งอยู่ในทุกลมหายใจเลยก็ว่าได้ © Imgur เช้านี้เป็นวันหยุดซึ่งตอนแรกเราก็ตั้งใจว่าจะออกไปเดินช้อปสิ่งของต่าง ๆ สักหน่อยแต่พอออกมาแล้วเจอเจ้าเหมียวที่หน้าบ้านเท่านั้นแหละเราก็ต้องกลับเข้าไปนอนเล่นในบ้านดีกว่า (เพราะมันคือแมวดำที่ดันมานั่งเล่นใกล้เลข 666 ที่บอกถึงลางไม่ดี) วันทำงานก็ไม่มาดันมาวันหยุดซะอีก © Imgur เคยบอกเพื่อนเพื่อนว่าที่บ้านของเราอยู่ใกล้แม่น้ำมากมากมันเหมือนกับเราได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติซึ่งทำให้รู้สึกดีมากมาก แต่หลายคนก็ไม่เชื่อ วันนี้เราก็เลยส่งภาพนี้ไปให้เพื่อนเพื่อนชมกันว่านี้คือเพื่อนใหม่ของเราหลังจากเปิดประตูหน้าทิ้งไว้ ©…

เป็นเรื่องธรรมดามากมากที่เวลาพวกเราเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวยังต่างๆประเทศพวกเราก็จะได้พบกับเรื่องราวบางอย่างที่พวกเราไม่ได้เคยเห็นในบ้านของเรา นั้นก็เพราะในแต่ละสถานที่และให้แต่ละชุมชนนั้นก็จะมีสิ่งที่เรียกว่าแนวคิดหรือวิถีชีวิตของในแต่ละที่ ก็ขนาดที่ว่าในบ้านเราเองแค่ออกเดินทางข้ามจังหวัดไปเราก็จะพบกับสิ่งแปลกตาเลย แล้วในการเดินทางไปตามประเทศก็ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าเราจะพบเจอเรื่องราวความแปลกใหม่ที่จะสร้างความว้าวให้กับเราได้มากขนาดไหน และแน่นอนว่าถ้าให้พูดถึงที่ที่มีความว้าวมากมากหรือเรื่องราวที่ต้องทำให้เราทึ่งขึ้นมาได้ถึงแม้ว่าเราจะเดินทางไปที่นั้นมาแล้วหลายครั้งก็ตาม และนั้นก็คือประเทศญี่ปุ่นนั้นเองและวันนี้เราได้นำเรื่องราวของเพื่อนๆ ที่ได้เคยไปอยู่ที่นั้นเป็นเวลานานมาเล่าให้ฟังว่ามันมีอะไรบ้างที่น่าทึ่งทั้งที่มันเป็นเรื่องธรรมดาของที่นี้เลย ถ้าพูดถึงเมืองใหญ่หลายหลายเมืองก็คงไม่ต่างกันที่มีตึกสูงและแน่นอนว่ามันเป็นไปตามเรื่องของ เศรษฐกิจและธุรกิจเป็นส่วนใหญ่จึงทำให้มีพื้นที่ทำงานมากกว่าพื้นที่สีเขียวอย่างในกรุงเทพของเราเองถ้าเทียบกันแล้วก็จะมี พื้นที่สีเขียวต่อคนเท่ากับสามตารางเมตรเมื่อเทียบกับประชากรที่ลงทะเบียนเอาไว้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วน่าจะมีคนมากกว่านั้น ทำให้สัดส่วนพื้นที่สีเขียวน้อยลงไปอีก  แต่สำหรับพี่ญี่ปุ่นแล้วกลับให้ความสำคัญในการสร้างพื้นที่สีเขียวและสร้างเศรษฐกิจไปพร้อมพร้อมกันนั่นเองจึงทำให้เมืองใหญ่อย่างโตเกียวมีสวนขนาดใหญ่มากมาย ซึ่งเมื่อคิดเป็นพื้นที่แล้วก็จะได้ถึงสิบสองตารางเมตรต่อคนเลย ซึ่งมากกว่าหลายหลายที่ และนอกจากนั้นพวกเค้ายังอยู่ใกล้กับต้นไม้และฝูงแมลงต่าง ๆ มากกว่าที่เราจินตนาการไว้ซะอีก ก็ขนาดที่ว่าในฤดูร้อนที่เหล่าแมลงและฝูงสัตว์มากมายออกมารับอากาศ บริสุทธิ์ คุณอาจจะได้พบแมลงบางชนิดอย่างเช่นตัวด้วงบินเข้ามาในบ้านของคุณเพื่อมองหาน้ำหวานก็เป็นไปได้และนั้นเองที่แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติอยู่ใกล้ชิดเรามากขนาดไหน © my_nippon เรื่องที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจนั่นก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารนั่นเองทั้งทั้งที่เราก็ทราบกันดีอยู่ว่าอาหารของที่นี่นั้นมีของอร่อยอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นราเมงหรือซูชิหรือขนมเค้ก แสนอร่อย แต่ผู้คนทั้งหลายกลับมีรูปร่างที่ดี ทั้งทั้งที่ได้ทานแต่ของอร่อยเหล่านี้ ซึ่งสิ่งที่เราค้นพบนั้นก็คือด้วยชีวิตประจำวันและการเดินทางที่ใช้การเดินเท้าเป็นหลักนอกจากนั้นเราอาหาร แสนอร่อยยังถูกปรุงแต่งน้อยมากจากเครื่องปรุงรสหวานอย่างน้ำตาลเป็นต้น ซึ่งพอได้ทานอาหารจากธรรมชาติและการเดินออกกำลังกายแบบไม่ได้ตั้งใจนี้เองที่ทำให้เราเห็นคนส่วนมากจะรูปร่างดีนั้นเอง © my_nippon / Yandex.zen การแสดงออกของผู้คนที่นี้ยังมีเรื่องที่น่าชื่นชมอีกหนึ่งอย่างนั้นคือพวกเค้าไม่ได้แต่งตัวหรือใช้รถหรูหร่าเพื่อแสดงถึงฐานะที่แต่ละคนมี แต่ เค้าใส่ใจในเรื่องการแต่งตัวให้เรียบร้อยและเหมาะสมกับสถานที่โดยให้ความเคารพและอ่อนน้อมมากกว่าที่จะให้ความสนใจในเรื่องราคา © my_nippon ซึ่งในญี่ปุ่น มีสุภาษิตมากมายเกี่ยวกับความสุภาพเรียบร้อยและความมั่นใจในตนเอง ตัวอย่างเช่น “เหยี่ยวใหญ่ซ่อนกรงเล็บของมัน” หมายความว่าแม้แต่คนที่สมบูรณ์แบบก็ไม่โอ้อวด และ “สิ่งที่ยื่นออกมาควรถูกจัดการ” แปลว่า ผู้หยิ่งผยองจะถูกลงทัณฑ์ ชาวญี่ปุ่นอาจใช้คำพูดในแง่ดีในบทสนทนาเพื่อสื่อถึงอีกฝ่าย เช่น “สามีที่มีสมบูรณ์พร้อมของคุณ” แต่เมื่อพวกเค้ากล่าวถึงตัวเองนั้นกลับพูดถึงตัวเองอย่างธรรมดาหรือถ่อมตัว เช่น “บ้านเล็กๆของฉัน” หรือ…

หากเราจะบอกว่าการสื่อสารที่เราสามารถทำได้กับคนรอบตัวก็คือการใช้ภาษาหรือกาพูดคุยนั้นเอง ซึ่งตอนนี้ก็บอกเลยว่ามันก็คงจะเป็นแบบนั้นนั้นเอง เพราะว่าการสื่อสารด้วยคำพูดนั้น เป็นการสื่อสารที่ทำให้เราเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการบอก ได้ง่ายที่สุดแต่นอกเหนือจากการพูดคุยแล้วพวกเรายังสามารถสื่อสารด้วยการแสดงออกทางท่าทางหรือเป็นสิ่งที่เราเรียกว่าภาษากายนั้นเองซึ่งภาษากายหรือท่าทางการแสดงออกเหล่านี้นั้นเองที่แทบจะไม่เคยโกหกเราเลยก็ว่าได้ อย่างเช่นตอนที่เราโกรษเราก็จะเริ่มแสดงออกด้วยเสียงที่ดังมากขึ้นหรือทางสีหน้าที่จะเริ่มดูดุดันและนอกเหนือจากนั้น เราอาจจะเห็นบางคนที่หน้าแดงอย่างเห็นได้ชัดเลยก็ว่า แต่นอกจากที่พวกเราเองที่มีภาษากายในการแสดงออกทางร่างกายของเราแล้ว เหล่าน้องหมาน้องแมวของเราเองก็เช่นเดียวกัน เพราะด้วยการแสดงออกที่เรามองเห็นบางครั้งเราก็สามารถบอกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เหล่าต้าวกำลังคิดอยู่เลยก็ได้ มาลองชมกันเลยดีกว่าว่าเพื่อนเพื่อนจะคิดแบบเดียวกัับพวกเราชาวสัพเพเหระไหมเมื่อได้เห็นท่าทางของเหล่าต้าวมทั้งหลายเหล่านี้ เห็นแบบนี้ก็รู้เลยว่าเค้ามีความสุขมากขนาดไหนในตอนที่ได้อยู่กับคนที่เค้าชอบ © Reddit ตอนที่เราบอกว่าพาตุ๊กตาน้องไก่ออกไปข้างนอกไม่ได้ และน้องก็หันมามองด้วยสีหน้าที่บอกเราว่า “ทำไมไม่ได้ละแม่ๆๆ” © Reddit ความภูมิใจเมื่อคุณแม่หมาของเรามีต่อลูกๆทั้ง 8 ของเธอ แค่รอยยิ้มอันนั้นก็บอกได้มากแล้วว่ามันน่าภูมิใจขนาดไหน © Reddit น้องทำท่าแบบนี้ทันที่ที่เห็นเราทำผมทรงใหม่ และเราก็รู้ได้เลยว่าเราควรจะไว้ทรงเดิมดีกว่า © Reddit ตอนที่เราพยายามพาน้องหมาออกไปเดินเล่นเพื่อออกกำลังกายบ้าง และภาพที่เห็นก็ทำให้เรารู้เลยว่าน้องคงไม่ชอบการเดินเล่นแน่ๆ © RingHelloRing / Reddit เวลาที่เราชอบอะไรมากมากมันก็จะแสดงออกมาทางสีหน้าของเรานี้แหละ และภาพนี้ก็บอกได้เลยว่า น้องมีความสุขมากขนาดไหนเมื่อมีใครสักคนเกาหูให้แบบนี้ © Reddit ทันที่ที่บอกให้น้องรอในรถระหว่างที่เราเดินลงห้องน้ำพอกลับมาก็รู็เลยว่าการอยู่คนเดียวในรถนั้นมันน่าเบื่อขนาดไหน © Reddit เมื่อน้องพยายามนั่งอยู่บนโซฟาแบบนี้และไมยอมลุกไปไหนเลย แค่นั้นก็รู้แล้วว่าน้องพยายามซ่อนอะไรไว้ตรงนั้นแน่ๆ และเมื่อเราอุ้มน้องขึ้นมาก็เห็นรอยขาดยาวๆ บนเบาะ (รู้ด้วยนะว่าจะโดนดุเลยนั่งบังไว้) © Reddit เห็นข้างบ้านออกมาเดินเล่นและทำกิจกรรมบางอย่างในสวนหลังบ้าน เท่านั้นแหละน้องก็ขึ้นไปแอบดูเลย ©…

ต้องบอกว่าตอนที่เราได้อยู่กับครอบครัวเป็นเวลาที่เราทำตัวหรือวางตัวเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดซึ่งบางครั้งความเป็นตัวของตัวเองนั่นแหละที่ทำให้คนรอบข้างมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ และวันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระก็ได้พบเรื่องราวของเราคุณสามีทั้งหลายที่มีเรื่องตลกขำๆเวลาที่พวกเขาอยู่กับครอบครัวตามลำพังลองไปฟังดูเลยว่าจะมีเรื่องอะไรกันบ้าง น้องทำไม่เป็น เมื่อบ้านเราเพิ่งได้ลูกสุนัขมาใหม่และคุณสามีดูจะชอบเจ้าหมาน้อยเป็นพิเศษและในวันหนึ่งตอนที่เราเพิ่งทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ จู่ๆคุณสามีก็ลุกขึ้นไปทำบางอย่างในครัวโดยเราสงสัยและถามไปว่า ภรรยา: พวกเรากินข้าวเสร็จแล้ว คุณทำแพนเค้กทำไม? สามี: ผมทำแพนเค้กให้หมาของเรา ภรรยา: ทำไมคุณต้องทำแพนเค้กให้หมา สามี: เพราะหมาทำแพนเค้กไม่เป็น เป็นคำตอบที่กวนจริง ๆ เลยนะคุณสามี ลิงจริงๆ เราอยากจะเตือนเพื่อนเพื่อนให้ฟังสักหน่อยว่าบางเรื่องเราก็ไม่ควรจะพูดเล่นเพราะมันอาจจะสนุกในความคิดเราแต่มันกลับทำให้เราต้องมาค่อยแก้ไขปัญหาที่ตามมาอีกมากมาย เรื่องมีอยู่ว่าวันก่อนเราไปเที่ยวตั้งแคมป์กับภรรรยาและเพื่อนบ้านอีกสองสามคน พอไปถึงเราก็สังเกตุเห็นว่ามีลิงอยู่บริเวณนั้น ซึ่งคุณภรรยาก็เตือนให้พวกเราอยู่ห่าง ๆ มันไว้แต่เราไม่เชื่อสักเท่าไหร่ ก็เลยแอบออกไปพยายามถ่ายรูปมันใกล้โดยเอาผักและผลไม้ที่เตรียมมาใส่เป้คาดหลังไป กะว่าจะให้อาหารเหล่านั้นแล้วถ่ายภาพตอนที่ลิงกำลังนั่งทานผลไม้อยู่ แต่กลายเป็นว่าเจ้าลงมันอ้อมมาข้างหลังเราแล้วเอาผลไม้ไปโดนตอนที่หยิบมันเกิดรอยข่วนที่ด้านหลังของเรานิดหน่อย ซึ่งพอกลับมาที่พักตอนที่เรากำลังจะเปลี่ยนเสื้อคุณภรรยาก็เห็นรอยนั้นพอดีเลยถามว่า ภรรยา: ทำไมหลังของคุณมีรอยข่วน ผม:กิ๊กทำ (กะจะตอบเล่นๆ) เท่านั้นแหละคุณเธอทำท่าน้ำตาซึมเดินเข้ามาแล้วเตะขาเรา ก่อนที่จะไปนั่งเศร้าบนเตียง จนเราต้องเข้าไปปลอบและบอกว่าลิงข้างนอกทำ แต่เธอกลับไม่เชื่อจนเราต้องไปพาเพื่อนบ้านมาบอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและคุณกันอยู่นานมาก เลยอยากจะบอกเพื่อนเพื่อนไว้ว่าบางเรื่องเราก็ไม่ควรพูดเล่นเพราะมันอาจจะทำให้เราเจ็บตัวก็ได้นะ นี้แหละที่เราต้องการ เราและภรรยาอยู่ด้วยกันมานานอย่างมีความสุขโดยที่พวกเราวางแผนที่จะไม่มีลูกและพวกเราก็เตรียมตัวด้วยการเก็บเงินและเตรียมทุกอย่างให้พร้อมยามที่เราเริ่มเกษียณซึ่งก็มีหลายหลายคนเป็นห่วงกันอยู่ แต่พวกเราก็ขอบคุณดีใจที่เพื่อนเพื่อนคิดถึงเรา และตอนที่เราไปงานเลี้ยงรุ่นที่หลายคนพาลูกเล็กๆมาร่วมงานด้วย ในระหว่างที่เรากำลังสนุกสนานกันอยู่ก็มีเสียงเด็กร้องขึ้น เพื่อนหลายคนเริ่มลุกไปและมองหาต้นเสียง แต่เราและภรรยากลับหันหน้ามาหากันโดยไม่ได้นัดหมายและยิ้มให้กันก่อนจะบอกว่า “เราคิดถูกแล้วนะที่เลือกแบบนี้” ไม่ได้อยากออกไปไหนเลย ในวันที่อากาศครึมฟ้าครึมฝน เราและภรรยานั่งมองทิวทัศนอยู่ตรงระเบียงจู่ๆ คุณภรรยาก็พูดเล่นๆ ขึ้นมาว่า ถ้าฝนตกลงมาเป็นกาแฟนะฉันจะให้คุณออกไปเที่ยวคนเดียวทั้งอาทิตย์เลยก็ได้นะ เท่านั้นแหละผมรีบเดินไปที่ห้องครัวและเริ่มต้มกาแฟทันที่ แล้วคุณภรรยาก็ถามว่านั้นผมกำลังทำอะไร และผมตอบกลับไปว่า “ผมมีเพื่อนเป็นนักบินของแผนกทำฝนเทียม…

บางสิ่งอย่างบางอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเราบางครั้งมันก็หาเหตุและผลอะไรไม่ได้เลยบางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่เราเห็นแล้วก็ต้องขำขำ แต่บางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่เราเห็นแล้วก็เซ็งกับสิ่งที่เกิดขึ้นถ้าคนที่ยืนอยู่ในจุดนั้นเป็นตัวเราแล้วละก็ วันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระก็เลยลองเอาภาพที่เพื่อนของเราเจอแล้วอาจจะต้องเซ็งแน่ๆในตอนนั้น แต่เมื่อเราเอามาเล่าให้เพื่อนเพื่อนได้ชมได้ฟังกันมันก็ยังเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับคนอื่นๆได้ในภายหลัง นั้นแหละเพราะพอเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านไปแล้วมันก็เป็นประสบการณ์ดีดีที่เอาไว้เล่าให้คนอื่นๆฟังนั้นเอง ลองไปชมกันเลยดีกว่าว่าจะมีเรื่องไหนที่ทำให้เพื่อนเพื่อนประหลาดใจและมีเรื่องไหนที่คุณอาจจะเคยเจอเข้ากับตัวมาแล้วบ้างนั้นเอง เมื่อเราและเพื่อนของเราช่วยกันทาสีพื้นห้องอย่างขยันขันแข็งแต่ไม่บอกกันให้ดีก่อนว่าจะทายังไง กลายเป็นว่าจุดที่เพื่อนอีกคนถ้าเสร็จมันอยู่รอบตัวเพื่อนอีกคนจนเค้าขยับออกไปไหนไม่ได้จนกว่าสีจะแห้ง (เมื่อคุณรีบทำงานจนกระทั้งหาทางออกจากจุดที่ยืนอยู่ไม่ได้) © KinxtheCat42 / Reddit การสั่งเค้กจากร้านที่ไว้ใจและเคยเห็นผลงานกันนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่เราควรทำอย่างยิ่งไม่งั้นงานพิเศษของคุณอาจจะลงเอ๋ยด้วยความไม่พิเศษแบบนี้ก็ได้ ภาพซ้ายหรือแบบที่อยากได้ และข้างขวาคือสิ่งที่ได้มามันช่างแตกต่างกันอย่างยิ่ง © Reddit อย่าฝากหมอนที่คุณชอบไว้กับน้องหมาของคุณหรือใครก็ตามไม่งั้นคุณอาจจะต้องมองหาหมอนใบใหม่อย่างแน่นอน (5 นาทีเท่านั้นที่เราวางหมอนแล้วเข้าห้องน้ำหลังจากกลับมาน้องหมอนของเราก็กลายเป็นสถาพนี้แล้ว) © Reddit ความสนิทำให้หลายคนลืมความเกรงใจไปอย่างเจ้ากระรอกที่เราให้อาหารทานช่วงพักเที่ยงบ่อยๆ วันนี้มันก็ปีนเข้ามาหยิบถุงขนมของเราไปซะงั้น © bluesteelsmith / Reddit เมื่อเพื่อนของคุณพยายามถามว่าอยากทานพิซซ่าส่วนไหน เราอยากให้คุณลองมองและตอบให้ชัดเจนเพราะถ้าคุณตอบว่าอะไรก็ได้คุณอาจจะได้ทานแต่แป้งพิซซ่าก็เป็นได้นะ (เพื่อนของเราแยกหน้าและแป้งพิซซ่าที่แช่เย็นไว้จนมันแยกชั้นออกมาแบบนี้ได้) © Reddit เมื่อคุณต้องการทาสีบ้านใหม่แต่อยากให้ถูกใจทุกคนดังนั้นทุกคนก็ต้องมีส่วนร่วมใช่ไหมละ แต่เราก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกันว่าทำแบบนี้ก็ได้ด้วย ก็เค้าทาสีให้เลือกกันหน้าบ้านเลยยังไงละ © Reddit ความน่ารักของเด็กๆที่บ้านเมื่อทานนมแล้วและคิดว่ามันอาจจะเสียพวกเค้าก็เลยวางโน็ตที่น่ารักและวาดภาพบนขวดนมไว้เตือนเลย (แล้วทำไมไม่เอาไปทิ้งละจ้า) © Reddit เมื่อเรานั่งพักผ่อนที่ม้านั่งและน้องหมาก็พยายามเดินเล่นไปทั่ว และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือน้องหมากับความยุ่งเหยิง © Reddit เราว่าหลายหลายคนน่าจะเคยเจอกับตัวเองเมื่อโทรศัพท์หรือสิ่งของหล่นลงไปในช่องข้างซึ่งมันเล็กมากสำหรับเอื้อมมือลงไป แต่พอดีกับของของเราที่จะหล่นลงไปเสมอ © Reddit เราว่าไม่มีอะไรแน่นอน อย่างเช่นหนูต้องกลัวแมว…

การได้พบเจอเรื่องราวแปลกๆจากสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรานั้นแต่ก่อนมันก็คงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หรืออันที่จริงแล้วพวกเราคงแทบจะไม่ได้เห็นเรื่องราวแบบนี้เลยก็ว่าได้ นั้นก็อาจจะเป็นเพราะว่ามันอาจจะไม่มีเรื่องราวหรือสถานการณ์ที่จะต้องแก้ไขหรือจัดการกับสิ่งเหล่านั้น หรืออาจจะเป็นเพราะสมัยก่อน ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหามันอาจจะไม่ได้แพร่หลายมากขนาดนี้ เพราะแต่ก่อนเราก็คงหาสื่อหรือฮาวทูวิธีการต่าง ๆ ได้น้อยมากแต่เมื่อโลกเราก้าวเข้าสู่ยุคข้อมูลที่เราสามารถมองหาคำตอบหรือวิธีการแก้ไขหรือประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ จากโลกออนไลน์ได้ง่ายเพียงแต่คลิกไม่กี่ครั้ง หนำซ้ำมันยังทำได้จากทุกที่ทุกเวลาเลยไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตามเพียงแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้นเราก็สามารถทำได้แล้ว วันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระเองก็เลยอยากจะเอาภาพการแก้ไขสิ่งต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์ด้วยวิธีการที่อาจจะแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร หรือบางภาพก็อาจจะเป็นเรื่องที่เราพูดกันแบบติดตลกแต่เค้าเหล่านี้กลับมาเอาทำให้มันเกิดขึ้นและใช้งานได้จริงนั้นเอง เมื่อแตงแถวบ้านของเราเติบโตและออกผลอยู่ริมรั้ว ซึ่งคงไม่ดีแน่ถ้าปล่อยไว้เฉยๆ เพราะจะทำให้ผลของมันหลุดลงไปที่พื้นก่อนที่เราจะเก็บทานได้นั้นเอง (สิ่งของใกล้ตัวของเราก็เอามาช่วยรองรับมันได้อย่างดีเลย) © Reddit ใครว่าไฟวงแหวนของเราจะเอาไว้ถ่ายภาพให้หน้าสวยได้อย่างเดียว เอามาใช้ตอนที่ต้องการแสงสว่างได้ทุกที่ทุกเวลาเลยต่างหาก ใครยังไม่มีก็หาติดรถไว้ได้เลยนะ © Zestful9 / Reddit ต้องปรบมือให้กับความเอาใจใส่ของที่นี่จริง ๆ เพราะมันมีสถานที่ที่ทำเป็นห้องน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงไว้ในอาคารของสนามบินแบบนี้ยังไงละ บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในสวนสาธารณะเลยนะจ้า © mitchinstien / Reddit ทางข้ามและไฟสัญญาณที่ทำออกมาเอาใจคนใช้งานจริง ๆ เพราะคนแถวนี้เค้าขี่ม้ากันยังไงละ © Reddit ถ้าขับรถราคาขนาดนี้ก็คงไม่เด็กแล้วละ (ป้ายทะเบียน เป็นคำว่าที่มีความหมายว่าเด็ก) แล้วต้องจองนานไหมกว่าจะได้ทะเบียนแบบที่ตรงใจแบบนี้ © Reddit เมื่อคุณอยากให้เด็กๆออกมาช่วยเก็บใบไม้แห้งที่ร่วงอยู่ตามพื้น โดยที่พวกเค้าเต็มใจและอยากทำ ก็เพียงแค่บอกเค้าว่า “เราออกไปสร้างทางวงกตในสวนจากใบไม้แห้งกันเถอะ” และนี้ก็คือผลที่ได้ ออกมากองเรียบร้อยแล้วยังวิ่งเล่นได้อีกหน่อยก่อนที่จะกวาดไปใส่ถุง…

เรื่องของความชอบหรือเรื่องที่เราหลายหลายคนทำกันจนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าหากคุณได้รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมันเป็นสิ่งที่ดีอย่างเช่นการตื่นเช้า หรือการชอบออกกำลังกาย หรือการชอบดูแลช่วยเหลือผู้อื่นแล้วละก็พวกเราชาวสัพเพเหระก็อยากที่จะให้เพื่อนเพื่อนได้ทำสิ่งเหล่านั้นต่อไปเรื่อย แต่ในเมื่อมีสิ่งที่ดีแล้วละก็ในอีกด้านหนึ่งนั้นก็คือพวกเรานั้นย่อมมีสิ่งที่พวกเราทั้งหลายทำกันจนติดเป็นนิสัยและสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ค่อยข้างส่งผลต่าง ๆ ที่ไม่ค่อยดีนักกับพวกเรานั้นเอง แต่พวกเราเองก็อาจจะไม่รู้หรืออาจจะคาดไม่ถึงเลยว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและพวกเราก็าสามารถปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวเราเองนี้แหละ เพียงแต่ว่าเราอาจจะไม่ทันคิดว่ามันไม่ดีก็เลยไม่ได้ลองที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นไปนั้นเอง วันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระเองก็เลยได้ลองรวบรวมเอาเรื่องราวนิสัยติดตัวที่หากใครมีไว้แล้วมันอาจจะส่งผลที่ไม่ค่อยดีนักต่อคุณก็เป็นได้ เพื่อว่าหากเพื่อนเพื่อนได้ลองมาอ่านแล้วก็จะได้เปลี่ยนใจและหันกลับมาสนใจตัวเองอีกทั้งอาจจะปรับเปลี่ยนแก้ไขสิ่งเหล่านั้นให้หายไปได้ก็ได้นะ พร้อมแล้วก็ลองไปอ่านกันเลยดีกว่านะว่าจะมีอะไรกันบ้างกับนิสัยที่ติดตัวเราอยู่แล้วการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นจะทำให้อะไรดีขึ้นบ้าง การนั่งการเดินและการยืนแบบตัวตรงนั้นคือเรื่องที่เราเห็นว่าใครๆก็ทำแต่เพื่อนบางคนของเรากลับหลังค่อม หรือว่าเค้าทำไปโดยไม่ได้รู้ตัวกันแน่นะ ต้องบอกเพื่อนเพื่อนไว้ก่อนเลยว่าการแสดงออกทางร่างกายอย่างการนั่งหรือยืนหลังค่อมนั้น มันอาจจะเป็นเพราะท่าทางการนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสมทำให้เราต้องโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ทำให้เราสามารถทำงานหรือเขียนหนังสือได้อย่างสะดวก ซึ่งนั้นเองที่นำมาซึ่งลักษณะของหลังค่อม ซึ่งเพื่อนเพื่อนสามารถแก้ไขได้ง่ายๆเลยคือเริ่มจากการปรับเปลี่ยนเก้าอี้และที่นั่งให้เหมาะ รวมถึงการออกกำลังยืดเยียดกล้ามเนื้อต่าง ๆ เพื่อให้กลับมามีท่าทางที่ถูกต้องได้ แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องบอกเลยว่ามีผลต่อท่าทางของเราด้วยนั้นก็คืออารมณ์และความรู้สึกที่เรามีนั้นเอง โดยเราพบว่าคนที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีคุณค่าหรือไม่มั่นใจในตัวเอง ก็จะพยายามทำตัวให้เล็กเพื่อไม่ให้สังเกตุเห็นหรือเป็นการป้องกันตัวทางอ้อมนั้นเอง สำหรับเพื่อนเพื่อนที่เป็ลักษณะนี้ละก็เราอยากจะให้เพื่อนเพื่อนลองหัดทำบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเองอย่างเช่นการลองติ่นเช้าและการทำเรื่องเล็กๆอยากการตั้งเป้าหมายเล็กๆในชีวิตตัวอย่างเช่นจะออกกำลังกายทุกเช้าเบาๆและเมื่อคุณทำได้แล้วละก็มันก็จะค่อยๆ เพิ่มความมั่นใจและคุณก็จะค่อยรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นนั้นเอง การผลัดวันประกันพรุ่ง ต้องบอกว่าทุกคนล้วนแล้วแต่มีหน้าที่ และมีสิ่งที่ต้องทำบางครั้งมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวและบางครั้งมันก็เป็นเรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย แต่สิ่งที่เราเลือกที่จะทำกับงานเหล่านั้นก็เห็นได้สองอย่างนั้นก็คือ ทำทันทีและอีกกลุ่มหนึ่งคือเลือกที่จะรอไปก่อน ซึ่งหากมันมีเหตุผลมากพออย่างเช่นคุณติดงานอื่นหรือยังต้องรอข้อมูลต่าง ๆ ให้พร้อมแล้วละก็พวกเราก็เห็นสมควรว่าสิ่งเหล่านั้นมันสามารถที่จะรอเวลาได้ แต่ถ้าหากมันมีแค่ความรู้สึกไม่อยากทำแล้วละก็เราก็อยากให้เพื่อนเพื่อนลองเปลี่ยนแปลงนิสัยเหล่านี้กันบาง เพราะยิ่งเราผลัดวันประกันพรุ่งแม้กับเรื่องเล็กๆน้อยๆแล้วละก็มันก็จะเริ่มสะสมเป็นความคุ้นเคยจนในที่สุดคุณก็จะทำสิ่งนี้กับทุกทุกเรื่องนั้นเอง ซึ่งวิธีการที่เราอยากจะแนะนำนั้นก็คือลองทำสิ่งต่างๆที่ได้รับมอบหมายมาที่ละเล็กละน้อย หรือแบ่งส่วนงานเหล่านั้นและเมื่อเรารู้สึกว่ามันน้อยลงเราก็จะรู้สึกอยากทำมันมากขึ้น อีกทั้งเวลาที่เราทำงานที่สำเร็จได้ที่ละเล็กๆน้อยๆแล้วสะสมจนเป็นผลงานชิ้นใหญ่แล้วละก็มันก็ทำให้ได้ความยินดีและรู้สึกดีที่ได้ทำสิ่งเหล่านั้น และเมื่อเราสะสมการทำแบบนี้ไปเรื่อยเราก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นการวางแผนการทำงานได้และรู้จักจัดตารางเวลาสำหรับการทำงานที่ดีนั้นเอง ดังนั้นเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้แล้วชีวิตคุณจะพบกับความสนุกในการทำงานทุกอย่างอย่างแน่นอน การใช้คำพูดบางอย่างก็เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาตัวเองได้นะ เพราะสิ่งที่เราพูดออกมานั้นล้วนเกิดขึ้นจากความคิดของเรา ทั้งที่เป็นความคิดแบบตั้งใจหรือคิดแบบไม่ตั้งใจนั้นเอง ซึ่งหากคุณพูดในสิ่งที่ไม่ดีบ่อยๆแล้วละก็นั้นก็เพราะลึกแล้วคุณคิดถึงสิ่งเหล่านั้น แต่ในทางตรงข้ามหากเราพูดแต่สิ่งดีดีนั้นก็หมายความว่าคุณคิดแต่เรื่องดีดีนั้นเอง ที่เราบอกแบบนี้ก็เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกันนั้นเอง จากการศึกษาและเก็บข้อมูลทำให้เราพบว่าคำพูดติดปาก หรือการพูดในเรื่องต่าง ๆ ในเชิงบวกหรือพูดในสิ่งที่ดีทำให้คนรอบข้างเรามีความสุขนั้นส่งผลทำให้คนเหล่านั้น…