ไม่มีใครสักคนที่สามารถเดินไปตามหนทางข้างหน้าโดยไม่ผ่านอุปสรรค์หรือสิ่งไม่พึงประสงค์ ดังนั้นพวกเราทุกคนย่อมจะต้องเจอวันที่อ่อนล้าเข้าสักวันอย่างแน่นอน และหากในวันที่เรายังแข็งแรงอยู่นี้พวกเราได้เตรียมการรับมือเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าแล้วละก็หากถึงวันที่คุณต้องเจอเข้ากับเรื่องราวที่ไม่คาดฝันมาก่อนก็จะทำให้คุณสามารถปรับตัวและผ่านมันไปได้ด้วยดีนั้นเอง วันนี้เราก็เลยลองเอา 9 เคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ที่จะช่วยคุณให้รู้สึกดีขึ้นได้มาฝากนั้นเอง พร้อมแล้วก็ไปชมกันเลยดีกว่านะ
การอยู่ในห้องที่มีแสงสว่างที่พอเพียงจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้
เราอยากให้เพื่อนเพื่อนลองนึกถึงแสงแดดทำให้รู้สึกดีต่อตัวของคุณมันเหมือนเรื่องปกติที่เราจะรู้สึกมีพลังในตอนเช้าหรือตอนที่สว่างๆนั้นเอง และด้วยวิธีสร้างความรู้สึกเดียวกันนี้จากตอนที่เราอยู่ในบ้านของเราเอง ในตอนที่คุณอาจจะเหนื่อยจากการทำงานและกลับมาถึงบ้านแล้วละก็ คุณสามารถลองเปิดไฟให้สว่างทั้งห้องนั่งภายใต้ความส่องสว่างของแสง แต่อย่ามองที่แสงโดยตรง ในระหว่างนั้นคุณก็สามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นไปได้ เช่น อ่านหรือนั่งสมาธิ คุณสามารถทำมันได้ตลอดทุกครั้งถ้าคุณเห็นว่ามันช่วยปรับปรุงอารมณ์ของคุณได้
ไปเดินเล่นในตอนเช้า
ถึงแม้ว่าคุณจะรู้สึกไม่อยากลุกขึ้นมาเพราะอาจจะเหนื่อยหรืออะไรก็แล้วแต่การตื่นนอนตอนเช้าสามารถช่วยคุณได้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเหลยสำหรับพวกเราหลายหลายคน แต่นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรลองออกไปเดินเล่น ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มระดับพลังงานของคุณเท่านั้น แต่ทั้งร่างกายและจิตใจของคุณจะรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าด้วย เพราะการเดินเป็นอย่างแรกในตอนเช้าจะเป็นตัวกำหนดช่วงเวลาที่เหลือของวัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถเดินเล่นในระหว่างวันหากคุณรู้สึกเศร้าหรือหดหู่เป็นพิเศษ
นอกจากนี้การที่เราตื่นในตอนเช้าแล้วได้ขยับร่างกายบ้างยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่า การเดินทุกเช้าช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะสมองของคุณได้รับเลือดในปริมาณที่เพิ่มขึ้น และการกระทำนี้เชื่อมโยงกับหน่วยความจำที่แข็งแกร่งขึ้น มีสมาธิดีขึ้น และมีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับคนที่อ่อนล้าทางจิตใจลองเป็นอาสาสมัครหรือทำอะไรดีๆ ให้คนอื่น
เพราะไม่เพียงช่วยให้คุณเอาชนะความเศร้าที่เกิดขึ้นได้ แต่ยังช่วยทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองและรู้สึกดีกับสิ่งที่ทำได้อีกด้วย นอกจากนี้ ทุกครั้งที่เราทำความดี เราก็มีสิ่งที่เรียกว่า “helper’s high” ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจะมีสารที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข และในอีกมุมหนึ่งนั้นก็คือทำให้เรารู้สึกพึงพอใจกับตัวเองและรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งที่เรามีและตัดสินใจแบ่งปันกับผู้อื่น
เพิ่มการเคลื่อนไหวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างที่เราทราบกันว่าร่างกายกับจิตใจนั้นมีผลต่อกันดังนั้นการเคลื่อนไหวร่างกายและการออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่คุณควรให้ความสำคัญ หากคุณกำลังดิ้นรนกับความเศร้าตไม่ว่าจะเป็นการยกน้ำหนัก การวิ่ง หรือทำกิจกรรมอื่นๆ เพราะการตื่นตัวของร่างกายจะช่วยให้สมองตื่นตัวเช่นกัน ทั้งนี้คุณสามารถทำกิจกรรมต่างๆกับเพื่อน คนรัก หรือแม้แต่ลูกๆ ของคุณ และคุณจะเห็นว่าระดับความเครียดและความโกรธของคุณลดลง อีกทั้งคุณจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อน
ลองหาเวลาว่างวางแผนการพักผ่อนเล็กๆ
บอกเลยว่าการที่พวกเรานั้นทำงานหรือทำสิ่งใดต่อเนื่องนานนานย่อมส่งผลให้เกิดความอ่อนล้าอย่างแน่นอนดังนั้นการที่เราได้ออกไปพักผ่อนพักเรื่องที่ต้องทำและพักจากสิ่งที่ต้องคิดบ้าง ก็จะทำให้ร่างกายของเราและจิตใจของเราเหมือนได้ชาร์จพลังงานและพร้อมสำหรับการเตรียมรับมือเรื่องราวต่างๆนั่นเอง ดังนั้นลองหาเวลาว่างซักห้าถึง 10 วันหรืออย่างน้อยก็ควรจะซักสี่วันเพื่อเดินทางไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่เราไม่เคยไปเปิดมุมมองความคิดและประสบการณ์ใหม่ใหม่จะทำให้เราได้ทั้งความสุขและความสนุกอีกทั้งยังได้ประสบการณ์ใหม่ใหม่อีกด้วย
เสียงหัวเราะจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง
ต้องบอกว่าท่าทางการแสดงออกมีผลไปถึงส่วนลึกของจิตใจโดยเฉพาะการยิ้มอย่างมีความสุขถึงแม้จะเป็นแค่ท่าทางที่เราสร้างขึ้นมันก็ยังมีผลไปถึงส่วนลึกของจิตใจของเรานั่นเองดังนั้นเป็นไปได้ที่เพื่อนเพื่อนจะลองยิ้มให้กับตัวเองในกระจกตอนเช้าหรือลองหาหนัง ภาพยนตร์ตลกที่ทำให้เพื่อนเพื่อนหัวเราะออกมาก็จะทำให้ความรู้สึกอ่อนล้าของเรานั้นลดลงไปได้อย่างมากเลยทีเดียว
ลองเปลี่ยนเมนูอาหารของคุณจากสิ่งเดิมๆที่ทานประจำ
สิ่งไหนที่เราทำเป็นประจำมันก็จะทำให้เกิดความเฉยชานั่นเอง ดังนั้นในวันที่เพื่อนเพื่อนรู้สึกอ่อนล้าหรืออยากพบเจออะไรใหม่ใหม่ การเริ่มทำสิ่งใหม่ใหม่อย่างเช่นการปรับเมนูอาหารหรือการทานอาหารในร้านที่ไม่เคยทาน ได้เข้าไปรับรสชาติที่ไม่เคยได้รับก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ปรับสมดุลย์ความสุขของเรากลับมานั่นเอง ยังทำให้เราได้ฝึกการรับรู้ใหม่ใหม่อีกด้วยนะ
ลดเวลาหน้าจอคอมของคุณลง
ในทุกวันนี้พวกเรามีโทรศัพท์มือถือแทบเลทหรือคอมพิวเตอร์พกพาไว้ให้ใช้ได้มากมายสามารถเปิดใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาแต่สิ่งเหล่านี้ที่เหมือนกับติดตัวเราตลอดเวลา แต่มันกลับทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าโดยที่ไม่รู้ตัวดังนั้นเพื่อนเพื่อนลองหาเวลาส่วนตัวในการทำกิจกรรมอื่นๆอย่างเช่นในตอนเข้าห้องน้ำทานอาหารหรือนั่งรถประจำทางก็ลองละสายตา หรือปล่อยมือจากโทรศัพท์มือถือบ้างก็ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งรอบข้างและกิจวัตรที่เรากำลังทำอยู่ตรงหน้านั้นให้เต็มที่ก็จะเป็นการเหมือนได้พักผ่อนแบบนึงนั่นเอง
แล้วเพื่อนเพื่อนล่ะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้ความอ่อนล้าของคุณหายไปอย่างรวดเร็วลองบอกเราก็ได้นะเผื่อคนอื่นๆจะได้นำไปใช้งานไง
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย สัพเพเหระ